เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพนพร ปทุมเหง่า ผอ. สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้รับแจ้งจากนายณรงค์ อระภักดี ชาวบ้านได้พบเห็นช้างป่า 1ตัว ติดหล่มอยู่ในแอ่งน้ำ ไม่สามารถขึ้นมาได้เองและยังมีชีวิตอยู่ ในลักษณะนอนตะแครง ระดับน้ำครึ่งตัวช้าง ช้างป่าพยายามตะเกียกตะกาย ชูงวง แต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้ เหตุเกิดบริเวณไทรเอน ท้องที่หมู่ที่ 7 บ้านรวมไทย ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงสั่งการเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมด้วย ทีมสัตวแพทย์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และห้วยทราย ตร.สภ.ยางชุม ฝ่ายปกครองอำเภอกุยบุรี เจ้าหน้าที่ชุดประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทหารมณฑลบกที่15 เจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี ลงพื้นที่ดำเนินการสำรวจ ค้นหาช้างป่าตัวนี้ ด้วยอากาศยานไร้คนขับ แต่หาไม่พบเนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย มีฝนตกลงมาในพื้นที่ค้นหาและมืดค่ำ จึงต้องได้ยุติการค้นหาไปก่อน
ต่อมาได้เร่งทำการค้นหาในวันถัดไปในวันที่ โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ บินสำรวจในพื้นที่ก่อนพบช้างป่าตัวดังกล่าว บริเวณไทรเอน หมู่ที่ 7 บ้านรวมไทย ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี พบช้างป่าเพศเมีย 1ตัว มีอายุมากแล้ว ประมาณ 50-60 ปี น้ำหนักประมาณ 3,000 – 3,500 กิโลกรัม ลักษณะนอนตายตะแคงด้านซ้าย พบร่องรอยบาดแผล บริเวณขาหลังด้านขวา ค่อนข้างผอม ดวงตาข้างขวาขาวขุ่น อวัยวะทุกส่วนครบถ้วนสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องสแกนโลหะสแกนทั่วทั้งตัวช้างป่า พบหัวกระสุนลักษณะเกลียวยาว 1 ชั้น และเม็ดโลหะ ทรงกลม 1 ชั้นลักษณะกระสุนลูกเกลียวจากผ่าออกมา เป็นสนิมพุกร่อน คาดว่าอยู่ภายในตัวของช้างป่ามากกว่า 1 ปี ภายในเต็มไปด้วยหนองเหลว ลักษณะเนื้อเยื้อ และผิวหนัง มีสีซีดเหลือง ปลายงวงซีดเหลือง ลิ้นและเนื้อเยื้อภายในช่องปากซีดเหลือง จึงเชื่อได้ว่าช้างตัวนี้ได้มีภาวะติดเชื้อรุนแรงจากบาดแผล
เบื้องต้นได้นำชิ้นเนื้อส่งตรวจหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ก่อนเก็บ วัตถุประยานหัวกระสุนปืน ทำการฝังกลบซากช้าง อย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ คาดว่าช้างป่าตัวนี้ มีอายุมากแล้ว แผลอักเสบ ติดเชื้อจนตายลงในที่สุด