เมื่อวันที่ 22 เม.ย. “ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” ได้สอบถามผู้เกี่ยวข้องในกระทรวงคมนาคม กรณีสังคมตั้งข้อสังเกตเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างถนนในประเทศไทยมีปัญหาหรือไม่ เมื่อเทียบกับต่างประเทศ  เหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุจำนวนมาก โดยได้รับข้อมูลว่า  ปัจจุบันมีถนนทั่วประเทศประมาณ 703,651 กม. เป็นทางหลวงแผ่นดินสายหลักของกรมทางหลวง(ทล.) รวมมอเตอร์เวย์     52,323 กม. ทางหลวงชนบท(สายรอง) 49,653 กม. ถนนท้องถิ่นของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น597,666 กม. ถนนท้องถิ่น    ของกรุงเทพมหานคร(กทม.) 3,785 กม. ทางพิเศษ(ทางด่วน) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) 224 กม.

ถนนของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทรวมกันประมาณ 1 แสนกม.คิดเป็นประมาณ 14% ใช้มาตรฐานก่อสร้างระดับสากล ทางหลวงของทล.ใช้มาตรฐานการก่อสร้างของอเมริกา มีช่องจราจรกว้างขนาด 3.5 เมตร  ส่วนประเทศแถบยุโรปใช้ขนาด 3.25 เมตร  ขณะที่ทช.ใช้ขนาด 3.25 เมตร เนื่องจากเขตทางแคบกว่า  ซึ่งใกล้เคียงกับของญี่ปุ่น  

สำหรับบริเวณจุดเสี่ยง เช่นทางลงเขาลาดชัน อาทิ ทล. 304 ที่เกิดอุบัติเหตุล่าสุด เป็นเส้นทางตัดผ่านภูเขา ทล.ได้ขยายจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจรพร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยต่างๆ อาทิ ป้ายเตือนลดความเร็วห้ามเกิน 60กม.ต่อชม. ระวังทางลงเขา  จุดพักรถ  สาเหตุที่ไม่สามารถตัดถนนเป็นเส้นตรง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ ผ่านภูเขา หากให้เป็นเส้นตรงต้องระเบิดภูเขา หรือตัดผ่านภูเขา  จะใช้งบประมาณจำนวนมาก มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ 

ขณะที่ข้อมูลจากนักวิชาการด้านอุบัติเหตุและเครือข่ายด้านอุบัติเหตุยืนยันตรงกันว่า ปัญหาอุบัติเหตุในประเทศไทยเกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่กว่า90% เนื่องจากยังขาดจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และเป็นปัญหาที่ต้องรณรงค์สร้างจิตสำนึกและแก้ปัญหาในภาพรวมทุกภาคส่วนตั้งแต่ในระดับโรงเรียน  เพื่อให้พลเมืองตระหนักถึงความสำคัญด้านความปลอดภัยบนท้องถนนและเคารพกฎหมาย  เช่น ประเทศในยุโรปหรือทางญี่ปุ่น  ขณะเดียวกัน  ต่างประเทศมีระบบกฎหมายด้านความปลอดภัยบนท้องถนนที่เฉียบขาดรุนแรงกว่าประเทศไทยมาก   

“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” สัมภาษณ์  นายสุจิณ  มั่งนิมิตร   อดีตผู้อำนวยการสำนักอำนวยความปลอดภัย  กรมทางหลวง  ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เคยศึกษาและทำงานรวมทั้งใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นหลายปี   รวมทั้งยังเคยร่วมทำงานกับคณะผู้เชี่ยวชาญกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น(MLIT) หรือ เอ็มลิท  ได้รับข้อมูลว่า   เอ็มลิทเห็นว่าประเทศไทยมีระบบถนนที่ดีมาก  ดีกว่าญี่ปุ่น  ถนนในญี่ปุ่นถ้าไม่ใช่ทางด่วนแล้วส่วนใหญ่จะมีขนาดแค่ 2 ช่องจราจรไปกลับ    ยกเว้นในเมืองหรือชุมชนมีบ้างที่มีหลายช่องจราจร 

นายสุจิณ มั่งนิมิตร

ทางญี่ปุ่นมองว่าปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องหลายด้าน  โดยเฉพาะจากคน ซึ่งประเทศญี่ปุ่นต้องใช้เวลานานปรับพฤติกรรมคน  ในปี ค.ศ.1970( พ.ศ.2513  ) ประเทศญี่ปุ่นมีสถิติอุบัติเหตุสูงมาก มีผู้เสียชีวิตในปีนั้นถึง 16,765 คน   พฤติกรรมของคนในขณะนั้นไม่ต่างจากประเทศไทยนัก

 รัฐบาลญี่ปุ่นเห็นถึงปัญหาจึงให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยทางถนน  โดยออกกฎหมายที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนจำนวนมาก เช่นการสวมหมวกนิรภัย  การใช้เข็มขัดนิรภัย  และการควบคุมปริมาณแอลกอฮอร์สำหรับผู้ขับขี่  และเพิ่มบทลงโทษและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เป็นต้น    

นอกจากนี้ยังเพิ่มการรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน  และบรรจุการเรียนรู้ด้านการใช้ถนนอย่างปลอดภัยในหลักสูตรการศึกษา  รวมทั้งจัดทำแผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนนกำหนดโดยคณะกรรมการกลางมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน    จนในปี ค.ศ. 2014(พ.ศ.2557)    การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรลดลงเหลือ 4,113   และต่อมาปี ค.ศ.2015 (พ.ศ. 2558)  มีผู้เสียชีวิตเพียง 3,904 คน นับเป็นผลสำเร็จในการบริหารความปลอดภัยทางการจราจร ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากใช้เวลาถึง 45 ปี