เมื่อวันที่ 23 เม.ย.‘หมอเจด’ หรือ ‘นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์’ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความรู้และเน้นย้ำการป้องกันโรค หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์ สิริอายุ 88 พรรษา ด้วยสาเหตุโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจล้มเหลว ตามแถลงการณ์ของสำนักวาติกัน หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุเท่านั้น
ทำความเข้าใจโรคหลอดเลือดสมอง เช็กอาการก่อนสาย
หมอเจด เผยว่า หลายคนอาจมองว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคของผู้สูงวัย แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันพบผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อย ๆ บางรายอายุเพียง 40 ต้น ๆ ผลที่ตามมาก็รุนแรง ตั้งแต่อาการหนักจนถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต นอนติดเตียง หรือร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
โรคหลอดเลือดสมอง เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการตีบ ตัน หรือแตก ทำให้สมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ส่งผลให้เซลล์สมองถูกทำลาย ซึ่งอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญไม่ได้มีแค่เรื่องอายุ แต่ยังรวมถึงโรคประจำตัว, พฤติกรรมการกิน และปัจจัยอื่น ๆ หมอเจดแนะนำแนวทางป้องกันเบื้องต้น
1. ความดันโลหิตสูง
โรคนี้เป็นเหมือนเพื่อนเงียบที่อยู่กับเรานาน ๆ แล้วพอถึงจุดนึงก็ทำร้ายเราได้แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเวลาความดันขึ้นสูงตลอด ผนังหลอดเลือดมันจะเปราะ แข็ง แล้วก็แตกง่าย มันยังทำให้เกิดลิ่มเลือดด้วยนะ ถ้าไปอุดหลอดเลือดสมองก็จบเลย คือเรียกว่าเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดสโตรก (Stroke) มีวิธีป้องกัน ดังนี้
วัดความดันบ่อยๆ ถ้าได้ <120/80 mmHg นี่ถือว่าโอเคเลย
กินน้อยเค็ม ลดของหมักดอง บะหมี่ซอง ขนมถุง
กิน DASH diet เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี นมไขมันต่ำ
ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที
ถ้าแพทย์ให้ยาควบคุมความดันมากิน อย่าลืมกินให้ตรงเวลา
2. เบาหวาน
เบาหวานอาจฟังดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จริง ๆ มันร้ายเงียบไม่แพ้ความดัน เพราะน้ำตาลในเลือดที่สูงนาน ๆ จะไปทำลายหลอดเลือดทั่วร่าง โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง อาการไม่ได้มาทันที แต่มาทีอ่จมีอาการหนักถึงขั้นเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกได้เลย ควรป้องกันตามวิธีนี้
คุมระดับน้ำตาลให้ดี (<126 mg/dL ถ้าวัดตอนอดอาหาร) ถ้ายังไม่เป็นก็ต้องรู้ตัวไว ถ้าเป็นแล้วต้องเจาะเลือดตามหมอนัด
ลดหวาน ลดข้าวขาว ของหวาน น้ำอัดลม เบเกอรี่ต่างๆ
หันมากินผัก โปรตีนดีๆ อย่างปลา เต้าหู้ ไข่
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
กินยาตามที่แพทย์ให้ ไม่หยุดยาเองเด็ดขาด
3. ไขมันในเลือดสูง
สำหรับใครที่ชอบของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน ของหวานจัด ๆ หรือกินแอลกอฮอล์บ่อย ส่งผลให้ไขมันในเลือดขึ้นง่ายมาก โดยเฉพาะพวก LDL หรือไขมันเลว ถ้าสูงเกินไปจะไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแคบลงเรื่อย ๆ จนวันนึงเลือดผ่านไม่ได้ ก็เกิดสโตรก (Stroke) ได้อีกเช่นกัน มีวิธีป้องกันง่าย ๆ แบบชีวิตประจำวัน
ลดการกินไขมันอิ่มตัว เช่น ของมัน เนยเทียม ครีมเทียม
หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารแปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน
กินปลาทะเล เช่น แซลมอน หรือทูน่า ที่มีโอเมก้า-3 ช่วยเพิ่ม HDL
ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ถ้าจำเป็นต้องดื่ม ให้อยู่ในระดับพอเหมาะ
4. บุหรี่
การสูบบุหรี่ไม่ได้ส่งผลเสียแค่เรื่องปอด แต่ยังทำร้ายหลอดเลือด เพราะสารในบุหรี่หลายตัว เช่น นิโคติน ส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว แล้วพอหดอยู่บ่อย ๆ ทำให้เสื่อมสภาพเร็ว แถมยังมีคาร์บอนมอนอกไซด์ที่แย่งออกซิเจนในเลือดไปอีก คือทำให้สมองขาดออกซิเจนง่ายขึ้น เสี่ยง สโตรก (Stroke) แบบไม่รู้ตัวเลย สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือเลิกขาด
หากเลิกบุหรี่ให้ได้จะดีมาก ถ้าทำเองไม่ได้ลองใช้ตัวช่วย เช่น แผ่นแปะนิโคติน หรือปรึกษาหมอ หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองด้วย เพราะอันตรายไม่แพ้กันเลย
5. แอลกอฮอล์
ตัวการสุดท้าย คือการดื่มแอลกอฮอล์ หลายคนอาจคิดว่าแค่ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่แท้จริงแล้วแอลกอฮอล์มันมีผลกับระบบหลอดเลือดเยอะมาก ทำให้ความดันเพิ่มไขมันในเลือดแย่ลง HDL ลด LDL เพิ่ม เลือดแข็งตัวผิดปกติ มีโอกาสเป็นลิ่มเลือดง่ายขึ้นอีกต่างหาก หากหลอดเลือดในสมองเปราะอยู่แล้วก็มีโอกาสแตกง่ายขึ้นซึ่งเป็นอันตรายมาก
วิธีสังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมองเบื้องต้น รู้ทันภัยเงียบ
หมอเจดแนะนำวิธีสังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมองเบื้องต้น ถ้ามีอาการเหล่านี้ ต้องรีบพบแพทยืโดยทันที ให้สัญลักษณ์สื่อความเป็นคำว่า FAST มีความหมาย ดังนี้
F = Face : หน้าผิดรูป ปากเบี้ยว
A = Arm : แขน ขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
S = Speech : พูดไม่ชัด หรือพูดไม่ได้เลย
T = Time : รีบโทรหาหมอหรือ 1669 ด่วน!
ทั้งนี้ หากพบอาการข้างต้นยิ่งไปโรงพยาบาลเร็วเท่าไหร่ โอกาสรอดหรือฟื้นกลับมาได้ก็จะยิ่งสูงขึ้น เพราะ stroke ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ โรคหลอดเลือดสมองมันใกล้ตัวมากขึ้น เกิดได้ทั้งคนอายุน้อยและอายุเยอะ ฉะนั้นอย่ามองข้ามสุขภาพตัวเอง หากคุมปัจจัยเสี่ยง 5 อย่างนี้ได้ดี ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ลดโอกาสเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกได้ ถ้าใครมีอาการแปลก ๆ หรือสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงให้รีบปรึกษาหมอทันที