สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงความขัดแย้งด้านนโยบายกับนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าเขา “ไม่มีแผนที่จะปลดพาวเวลล์” สิ่งที่เขาต้องการจากอีกฝ่าย “คือความกระตือรือร้นมากกว่านี้ กับการลดอัตราดอกเบี้ย” เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดแล้ว


หากพาวเวลล์ยังไม่ตอบสนองในเรื่องนี้ ทรัมป์กล่าวว่า “ไม่ใช่จุดจบของการดำรงตำแหน่ง” ซึ่งท่าทีดังกล่าวของผู้นำสหรัฐ เรียกได้ว่า เป็นการกลับลำครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางความผันผวนอย่างหนักของตลาด หลังก่อนหน้านั้น ทรัมป์กล่าวมาตลอด เกี่ยวกับการปลดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่งประธานเฟด

ทั้งนี้ทั้งนั้น การกลับลำของทรัมป์ในเรื่องนี้ ได้รับการตอบรับอย่างดีและชัดเจนจากตลาดหุ้น โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ตลาดวอลล์สตรีท ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% เมื่อช่วงค่ำของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ในการปลดประธานเฟดออกจากตำแหน่ง และประธานเฟดไม่สามารถพ้นจากตำแหน่งก่อนกำหนดได้ “หากไม่มีเหตุอันควร” การอ้างความไม่เห็นด้วยด้านนโยบาย ไม่สามารถใช้อ้างเป็น “เหตุผลอันควรได้” และไม่เคยมีผู้นำสหรัฐคนใดเคยปลดประธานเฟดสำเร็จ


ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ระหว่าง 4.25% ถึง 4.50% คงที่แบบนี้ ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว และพาวเวลล์ยืนยันว่า จะยังไม่การเปลี่ยนแปลงนโยบายในเรื่องใดทั้งสิ้น จนกว่าจะมีความชัดเจนว่า เศรษฐกิจของสหรัฐตอบสนองอย่างไร ต่อนโยบายเศรษฐกิจทั้งหมดของทรัมป์ และย้ำว่า ธนาคารกลางสหรัฐไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง


อนึ่ง พาวเวลล์ วัย 72 ปี เป็นอดีตนักกฎหมายและนักการธนาคาร ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟด เมื่อเดือน พ.ย. 2560 ตรงกับรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดอยู่ที่ 5 ปี และสามารถต่อวาระได้ 1 ครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนก่อนหน้าทรัมป์ แต่งตั้งให้พาวเวลล์ดำรงตำแหน่งต่ออีกสมัย ซึ่งจะครบวาระในปี 2569.

เครดิตภาพ : AFP