เมื่อวันที่ 23 เม.ย. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้รายงานข้อสรุปเบื้องต้นกรณีอุบัติเหตุรถบัสโดยสาร ชนท้ายรถบรรทุก และเกิดเพลิงลุกไหม้ บริเวณถนนหลวงหมายเลข 304 (สี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว กม.208+600) ตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้วว่า ผู้ขับรถใช้ความเร็วไม่เหมาะสมกับสภาพเส้นทางการลงเขาลาดชัน ทำให้เมื่อรถโดยสารชนกระแทกทางด้านหน้าเข้ากับรถบรรทุกอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดความเสียหายลึกถึงจุดที่มีสายไฟจำนวนมาก จนทำให้เกิดการฉีกขาดและลัดวงจร ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ตัวรถ ทั้งนี้ในส่วนของตัวรถ พบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล และอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ ขบ. ดำเนินการตรวจสอบรถโดยสารอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบัสโดยสารสองชั้นอีกเด็ดขาด โดยห้ามการเดินรถบัสโดยสารสองชั้น ในเส้นทางเสี่ยง 7 เส้นทาง ได้แก่ 1.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ฮ่องสอน-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว-อุทยานแห่งชาติดอยภูคา 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 6.ทางหลวงหมายเลข 304 ช่วงสี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว และ 7.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง
พร้อมกับให้ประสานงานกับกรมทางหลวง (ทล.) เพื่อระบุจุดเสี่ยงที่ต้องเร่งติดตั้งเส้นชะลอความเร็วบนพื้นถนน (Rumble Strip) เพื่อเตือนผู้ขับรถให้ชะลอความเร็ว หรือระมัดระวังก่อนเข้าจุดเสี่ยง รวมถึงกำกับเข้มงวดให้รถบัสโดยสารต้องเข้าจุดตรวจความพร้อม (Check Point – CKP) หากฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นสูงสุดทันที นอกจากนี้ ขบ. ต้องมีมาตรการกำกับดูแล และบังคับใช้อย่างจริงจัง ครอบคลุมทั้งรถโดยสารสองชั้นประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้โดยสาร และผู้ใช้ถนนเป็นหลัก

ด้านนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมากล่าวหารัฐบาล และกระทรวงคมนาคม เพิกเฉย และไม่สนใจความเดือดร้อน หรือความสูญเสียของประชาชน ในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหารถโดยสารประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้งว่า การออกมากล่าวหาดังกล่าว ถือว่าไม่ทราบข้อมูล และข้อเท็จจริงที่เป็นความจริง การกระทำเช่นนี้ อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เป็นการสร้างข่าวปลอม (เฟคนิวส์) ในสังคมไทย

นายกฤชนนท์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมรับฟังทุกแนวคิด และข้อเสนอแนะดีๆ ของทุกฝ่าย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่บิดเบือนข้อมูล หรือสร้างความเสียหาย และสร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน ซึ่งการที่ พล.ต.ท.ปิยะ หยิบยกกรณีอุบัติเหตุรถบัสโดยสารประสบอุบัติเหตุชนท้ายรถบรรทุกและเกิดเพลิงลุกไหม้ บริเวณถนนหลวงหมายเลข 304 (สี่แยกกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว กม.ที่ 208+600) อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มาสร้างข้อมูลเท็จ โดยระบุว่ารถบัสที่เกิดอุบัติเหตุเกิดไฟไหม้ มีต้นเหตุมาจากการติดตั้งระบบก๊าซ NGV ซึ่งเรื่องนี้ ได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ว่า รถคันดังกล่าวใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล (ไม่ใช่ NGV) และอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ส่วนเรื่องรถโดยสารสาธารณะต้องติดตั้งลิ้นปิด-เปิดอัตโนมัติ (โซลินอยด์วาล์ว) ก็ดำเนินการติดตั้งอยู่แล้ว

นายกฤชนนท์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงคมนาคม ไม่ได้เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนการคมนาคมของประเทศไทยให้ดีขึ้น โดยตลอดระยะเวลาในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำงานกันเต็มที่มาอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในทุกมิติ เพื่อแก้ไขปัญหารถโดยสารประสบอุบัติเหตุให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน เพื่อยกระดับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างมีประสิทธิภาพ.