วันที่ 23-24 เม.ย. “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร พร้อม “ปอ” ปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส และรัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง เดินทางไปกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลง จำนวน 7 ฉบับ และเป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–กัมพูชา

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับ ครม. ว่า ถ้านายกฯ ยังยืนยันไม่ปรับ ครม. ก็เป็นไปตามนั้น และเข้าใจว่าจะทำให้เหตุการณ์คลี่คลายลง หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายต่างยืนยันว่ายินดีสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ที่ผ่านมาแค่ผิดคิว ซึ่งก็ว่ากันไป ขณะนี้สถานการณ์มีความเข้าใจกันดีขึ้น เมื่อนายกฯ ในฐานะผู้นำและมีอำนาจปรับ ครม. พูดอย่างนี้ พรรคไหนก็ไม่น่าจะมีปัญหา
เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยากให้เปลี่ยนกระทรวงเกี่ยวกับการค้าขาย ถ้าไม่ปรับจะทำให้สมาชิกพรรคผิดหวังหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องภายในที่ต้องคุยกัน เข้าใจว่าเป็นเรื่องเสียงสะท้อนของสมาชิกในพรรคที่มองว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ต้องใช้มาตรการในการแก้ปัญหา เมื่อนายกฯ พูดเรื่องไม่คิดปรับ ครม.แล้ว ผู้มีหน้าที่ก็ต้องช่วยกันอย่างเต็มที่ จะทำอย่างไรให้ราคาสินค้าดีขึ้น

“ยังวิเคราะห์ไม่ได้ว่า ถ้าไม่ปรับ ครม. จะฉุดคะแนนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และพูดกันตรงไปตรงมา ถ้าเอาพรรคภูมิใจไทยออก รัฐบาลจะเหลือตัวเลข สส.เท่าไร มันเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมืองที่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ทางการเมือง ความมั่นคงทางการเมือง ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงจนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า”
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ระหว่างช่วงวันที่ 28-30 พ.ค. ขณะเดียวกันจะมีการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) อีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะสถานการณ์การเมืองคลี่คลายแล้ว เชื่อว่า ไม่มีการโหวตล้ม พ.ร.บ.งบประมาณ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก และบ้านเมืองจะต้องเดินหน้าให้ได้

“หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาต่อรองกำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกา ที่ถูกเลื่อนออกไปจากวันที่ 23 เม.ย. ว่า น่าจะยังมีการสื่อสารไม่ตรงกัน ว่า สรุปแล้วทางสหรัฐเป็นฝ่ายเลื่อน หรือไทยเป็นคนเลื่อน การที่สหรัฐ มีการแบนวีซ่าผู้เกี่ยวข้องกับคดีส่งตัวอุยกูร์กลับจีน เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า การตัดสินใจของรัฐบาลมีผลกระทบ และเราก็แสดงความเป็นห่วงมาตลอด
หัวหน้าเท้งยังกล่าวถึงกระแสข่าว รัฐบาลจะผลักพรรคภูมิใจไทยออก แล้วเอาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปร่วมรัฐบาลแทนว่า ตอนนี้ไม่เชื่อว่าจะเอาภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่จำนวน สส. ของฝ่ายค้านอาจเปลี่ยน ยังมีส่วนคดีสอบจริยธรรม 44 สส.ที่เสนอแก้ไข ม.112 อาจจะส่งผลกระทบต่อ สส.พรรค ปชน. 25 คน ที่อยู่ในสภา เรื่องนี้อาจส่งผลกระทบทางการเมือง ถ้าเอาตัวเลข สส.ที่หายไปมาพิจารณา ก็ยังมีความเป็นไปได้เรื่องเอาภูมิใจไทยออก และตนยืนกรานไปแล้วว่า ในสภาชุดนี้ พรรค ปชน.จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่า มีการเจรจาเบื้องลึกเบื้องหลังกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สำหรับการเลือกตั้งรอบหน้า นายณัฐพงษ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลใดๆ ทั้งสิ้น รวมถึงพรรคอื่นด้วย ก่อนจะคุยกันเรื่องนี้ ก็ต้องอยู่ในช่วงใกล้การเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะต้องหารือกันเรื่องจุดยืน อุดมการณ์ทางการเมือง และจุดยืนในการดำเนินนโยบายต่างๆ ตอนนี้ยืนยันว่า พรรค ปชน. ไม่มีทาง ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปคุย และไม่คิดจะเข้าไปคุย

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงกรณีเตรียมเปิดสมัยประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในช่วงวันที่ 28-30 พ.ค. ว่า พรรค ปชน. เตรียมความพร้อมพิจารณาแล้ว “รองไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้เตรียมเนื้อหาให้กับสมาชิกทุกคน
มองว่าปัญหาในการจัดสรรงบประมาณ คือการไม่ตอบโจทย์ประเทศในอนาคต บริบทของโลกและสถานการณ์ของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป คิดว่าพรรคประชาชนจะมีข้อเสนออะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร คนใช้แรงงานและเกษตรกรต้องการรอฟังคำตอบว่าจะสรรงบประมาณอย่างไรที่จะตอบโจทย์
“บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสาเหตุการเลื่อนพูดคุยขอลดภาษีกับสหรัฐอเมริกา ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับกรณีมีข่าวว่า สหรัฐจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ตนยังไม่ได้รับหนังสือเลยว่าสหรัฐห้ามเข้าประเทศในเรื่องของอุยกูร์ ไม่อยากให้จินตนาการ และไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดในที่สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันตนได้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว ส่วนจะจัดการอย่างไรก็ให้รอดูผลการปฏิบัติ แล้วค่อยวิจารณ์

เมื่อถามว่าหากสหรัฐ กดดันให้ไทยเปลี่ยนเครื่องบินรบฝูงใหม่จากกริพเพนเป็น F-16 เพื่อแลกกับการลดภาษี นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ต้องคุยในระยะยาว เพราะเครื่อง F-16 มาด้วยเงื่อนไขเรากู้เงินกับสหรัฐ ผมคุยกับทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยไปแล้วว่า เราไม่เคยกู้เงินมาซื้ออาวุธ อยู่ดีๆ จะให้เรามากู้เงินซื้ออาวุธ ท่านไม่ตายแต่ผมตาย ซึ่งหากไม่มีเงื่อนไขการกู้เงินนี้ ก็สามารถพูดคุยได้ เพราะเรามองว่า กำลังรบของกองทัพอากาศไทยยังมีอยู่หลายเฟส”
“ทีมข่าวการเมือง”