กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ส่งสัญญาณแรงว่า โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเปราะบางทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ เมื่อสหรัฐ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าในระดับสูงสุดในรอบศตวรรษ จนเกิด “สงครามการค้าระลอกใหม่” ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนในตลาดโลกและกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในวงกว้าง

  • IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลก ปี 2025 เหลือ 2.8%
  • ความเสี่ยงถดถอยในสหรัฐ พุ่งแตะ 40%
  • เงินเฟ้อทยอยลด แต่เสถียรภาพการเงินยังเปราะบางจากนโยบายที่ไม่แน่นอน

ประเทศเศรษฐกิจหลัก โตต่ำ-เสี่ยงสูง

  • สหรัฐ : โตเพียง 1.8% แม้ใช้ภาษีปกป้องอุตสาหกรรม แต่ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นในประเทศ
  • จีน : GDP ชะลอเหลือ 4.0% จากสงครามภาษีและการส่งออกหดตัว
  • ยูโรโซน : โต 0.8% เศรษฐกิจเยอรมนี-อิตาลี ยังไม่ฟื้น
  • ญี่ปุ่น : โตเพียง 0.6% เผชิญแรงต้านจากโครงสร้างประชากร
  • อินเดีย : โตโดดเด่นสุดในกลุ่มใหญ่ที่ 6.8%

อาเซียน : เสี่ยงกระทบจากการค้าโลก

  • เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตชะลอลงจากแรงกดดันการส่งออก โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาสหรัฐ และจีน
  • IMF คาดว่า เอเชียแปซิฟิก รวมถึงอาเซียน จะโต 4.4% ในปี 2025
  • ด้านเวียดนาม ถูกสหรัฐขึ้นภาษี 46% ในหลายกลุ่มสินค้า ส่งผลกระทบหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ ทำให้ IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2025 ลงเหลือ 5.2%

ไทย : โตต่ำสุดในอาเซียน

  • IMF คาดว่า GDP ไทยปี 2025 จะโตเพียง 1.8% (จากเดิม 2.9%) และปี 2026 ลดลงอีกเหลือเพียง 1.6%
  • เงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำสุดในภูมิภาคที่ 0.7% สะท้อนอุปสงค์ในประเทศยังไม่ฟื้น
  • เศรษฐกิจไทยยังเปราะบางจากการพึ่งพาการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อีกทั้งการบริโภคภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว และความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้า

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย : อยู่รอดในโลกไร้เสถียรภาพ

  • ลดความไม่แน่นอนด้านการค้า : สนับสนุนการหวนคืนสู่การเจรจาพหุภาคี เพื่อหลีกเลี่ยงวงจรตอบโต้แบบ win-lose
  • สร้างเศรษฐกิจในประเทศให้แกร่ง : ลดการพึ่งพาส่งออก และกระตุ้นภาคการผลิต-บริการภายใน
  • รักษาเสถียรภาพการเงิน : ใช้นโยบายการเงินและการคลังอย่างรอบคอบ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากตลาดโลก

ข้อมูลจาก Bnomics by Bangkok Bank