สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ว่า กระทรวงการต่างประเทศอินเดียออกแถลงการณ์ ระงับการออกวีซ่าให้แก่พลเมืองปากีสถาน “ทันที” และยกเลิกวีซ่าทั้งหมด ซึ่งออกให้แก่ชาวปากีสถานไปแล้ว พร้อมทั้งสั่งให้พลเมืองปากีสถานทุกคนในอินเดีย ต้องเดินทางออกไปภายในวันที่ 29 เม.ย. นี้ ยกเว้นเจ้าหน้าที่การทูต ซึ่งรัฐบาลนิวเดลีมีคำสั่งเนรเทศ และลดจำนวนนักการทูตบางส่วนของปากีสถานแล้ว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลนิวเดลีเกิดขึ้น หลังเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธกราดยิงกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เมืองพาฮาลแกม ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ของรัฐชัมมูและกัศมีร์ หรือภูมิภาคแคชเมียร์ภายใต้อธิปไตยของอินเดีย เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย
دہشت گردی کی سزا ملے گی ۔ انصاف کی فراہمی کو یقینی بنانے کی ہر ممکن کوشش کی جائے گی۔ پوری قوم اس فیصلے پر قائم ہے۔ وزیر اعظم
— India in Pakistan (@IndiainPakistan) April 24, 2025
بھارت ہر دہشت گرد، ان کے ہینڈلرز اور ان کے پشت پناہوں کی شناخت کرے گا، ان کا سراغ لگائے گا اور سزا دے گا۔ ہم زمین کے کناروں تک ان کا پیچھا کریں گے۔ دہشت… pic.twitter.com/qUISuChLhu
หลังเกิดเหตุ อินเดียเรียกร้องปากีสถาน “ต้องรับผิดชอบ” โดยมีการออกมาตรการกดดันอีกฝ่าย ที่รวมถึง การเนรเทศนักการทูตบางส่วน การระงับสนธิสัญญาแบ่งปันน้ำตามแนวลุ่มแม่น้ำสินธุ และการปิดจุดผ่านแดนหลักทางบกในภูมิภาคแคชเมียร์
????: Statement by the Spokesperson Regarding Attack in Anantnag District of the Indian Illegally Occupied Jammu and Kashmir.
— Ministry of Foreign Affairs – Pakistan (@ForeignOfficePk) April 23, 2025
????⬇️https://t.co/hFst99nk3d pic.twitter.com/jesywt2XBQ
ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศปากีสถานออกแถลงการณ์ ประกาศให้ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศของอินเดีย มีสถานะเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” และต้องเดินทางออกจากปากีสถาน “ทันที” พร้อมทั้งระงับวีซ่า และยกเลิกวีซ่าทั้งหมดที่ออกให้แก่พลเมืองอินเดีย ยกเว้นนักการทูตบางส่วน และผู้แสวงบุญชาวซิกข์
นอกจากนี้ รัฐบาลปากีสถานสั่งปิดน่านฟ้าจากสายการบินพาณิชย์ของอินเดีย และการปิดจุดผ่านแดน รวมถึงช่องทางการค้าทุกแห่งที่อยู่ตามแนวพรมแดน พร้อมทั้งเตือนว่า อาจถือว่า การที่อินเดียระงับแบ่งปันน้ำแนวลุ่มแม่น้ำสินธุ “คือการประกาศสงคราม”.
เครดิตภาพ : AFP