นายปพน มนัสภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้งบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากแบรนด์เนม เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ท่ามกลางสงครามการค้าที่ปั่นป่วนทำให้พบว่าคนไทยเริ่มแห่กันนำสินค้าแบรนด์เนมเข้ามาขายฝากหรือจำนำมากถึง 80% ของการบริการบริษัท เพื่อนำเงินสดที่ได้เร็วไปช่วยเสริมสภาพคล่อง หมุนเวียนธุรกิจ และถึงขั้นยอมจำนำกระเป๋าแบรนด์เนม 2 ใบ จำนวนเงิน 4,000 บาท

ขณะเดียวกัน คนมีกำลังซื้อยังซื้อแบรนด์เนมมากขึ้นต่อเนื่องทำให้ปัจจุบันตลาดซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมในไทย มีมูลค่าถึงปีละ 4,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 157,000 ล้านบาท และหากรวมกับสินค้าแบรนด์เนมมือสองที่มูลค่า 40,000 ล้านบาท จะพบว่ามีมูลค่ารวม 200,000 ล้านบาท เติบโตปีละ 5.8% ขึ้นเป็นอันดับ1 ในอาเซียนของประเทศที่ซื้อแบรนด์เนมมากที่สุด แซงหน้าสิงคโปร์ที่มีมูลค่าตลาด 4,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เห็นได้จากการที่ยังมีคนเข้าคิวรอเข้าบริการเต็มหน้าร้านแบรนด์เนมในศูนย์การค้าชั้นนำ

“โดยพฤติกรรมคนไทยไม่ได้เปลี่ยน แต่นิยมซื้อแบรนด์เนมมานานแล้ว ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่ซื้อใช้เพื่อสร้างสถานะช่วยโปรโมทตนเอง และคนเริ่มทำงานนิยมซื้อเป็นของขวัญให้ตนเองและคนรัก หรือซื้อเพื่อประดับบารมี“

ทั้งนี้ หลังจากเริ่มเปิดบริการสินเชื่อ เช่าซื้อ ขายฝากแบรนด์เนม อาทิ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ ของบริษัทตั้งแต่ปี67 ที่ผ่านมา จากเงินลงทุนสำหรับให้สินเชื่อรวม 200 ล้านบาท โดยปัจจุบันปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 100 ล้านบาท จากพันธมิตรร้านขายแบรนด์เนม 40 ร้านค้า พบว่าคนไทยให้ความสนใจบริการในลักษณะผ่อนไปใช้ไป และผ่อนจบรับของมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องรวยก็ซื้อได้ และ 80% นำไปขายฝาก ตั้งเป้าหมายปีนี้ปล่อยสินเชื่อได้ 300 ล้านบาท และมึแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 5 ปี