จากเหตุการณ์สุนัขพิตบูลหลุดไปกัดเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ในห้องพักที่อยู่ติดกัน ก่อนลากเด็กจากเตียงลงมาขย้ำเป็นแผลที่ลำคอ และศีรษะ เหตุเกิดช่วงกลางดึกคืนวันที่ 28 ก.พ. 68 ที่บ้านไม่มีเลขที่ ซอยสุขาประชาสรรค์ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว ได้รับเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก นายเอกชัย ชาตะรูปะ อายุ 37 ปี และนางปรียา สิงห์สุวรรณ อายุ 34 ปี พ่อแม่น้องไข่มุกวัย 8 ขวบ ที่ถูกสุนัขพิตบูลกัด หลังเกิดเหตุผ่านมาเกือบ 2 เดือน เสียค่ารักษาไปแล้วเกือบ 60,000 บาท และต้องรอผ่าตัดเส้นประสาทในวันที่ 6 พ.ค. 68 มีค่าใช้จ่ายอีกเกือบ 40,000 บาท ตอนนี้ครอบครัวลำบากมาก ลูกก็ไม่ได้ไปเรียนหนังสือและไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว พ่อแม่ต้องพาลูกไปทำงานด้วย ขณะนี้เป็นหนี้สินเยอะมาก เรื่องค่ารักษาวันผ่าตัดที่จะนี้ก็ยังไม่มีเงินจ่าย ส่วนเจ้าของสุนัขก็ปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษาตามที่ครอบครัวเรียกร้องไป จึงอยากให้เพจกล้าที่จะก้าว ช่วยเหลือและประสานเรื่องการรักษาพยาบาล
นายเอกชัย พ่อของน้องไข่มุก เปิดเผยว่า วันที่ 27 เม.ย. นี้ จะครบ 2 เดือนแล้ว ทางเจ้าของสุนัขช่วยค่าเดือนทางมาแค่ 4,000 บาท มาเยี่ยมตอนช่วงแรกพักหนึ่งแล้วก็หายไป เมื่อวานได้เจอเจ้าของสุนัขเพราะไปไกล่เกลี่ยที่ สภ.ปากเกร็ด แต่ยังไกล่เกลี่ยไม่ได้เพราะเจ้าของสุนัขขอลดจำนวนเงิน จากที่เรียกไป 400,000 บาท ขอลดเหลือ 150,000 บาท ที่ครอบครัวไม่ตกลงเพราะจ่ายค่าใช้จ่ายไปมากแล้ว และยังต้องรักษาต่อเนื่องอีก และวันที่ 6 พ.ค. ต้องผ่าตัดเส้นประสาท นอกจากนี้หน้าของน้องก็เบี้ยว ช่องหูตีบ
ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวจ่ายค่ารักษาไปแล้วประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท วันที่ 6 พ.ค. ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าให้เตรียมเงินไปอีก 35,000 บาท ทางครอบครัวยังไม่มีเงิน สำหรับน้องไข่มุกตอนนี้เวลานอน ตาข้างขวาหลับไม่สนิท หูข้างขวาได้ยินเบามาก ส่วนวันที่จะผ่าตัดหมอจะผ่าเส้นประสาทเส้นที่ 7 ซึ่งเป็นเรื่องการรักษาหน้าเบี้ยวกับตาที่หลับไม่สนิท หมอบอกว่าอาจจะดีขึ้นแต่ไม่หาย 100% ถ้าอยากให้หน้าหายเบี้ยว ต้องผ่าตัดทำศัลยกรรมตกแต่งเพิ่ม ตั้งแต่เกิดเหตุน้องยังไม่ได้ไปเรียนหนังสือเลย ไม่กล้าเจอเพื่อนๆ และอยู่บ้านไม่ได้ เมื่อก่อนน้องจะอยู่บ้านกับพี่สาว กับยาย ตอนนี้ต้องออกไปกับพ่อแม่ตลอด มีอาการหวาดกลัวเวลาสุนัขเดินผ่าน กลัวคนแปลกหน้า ไม่คุยกับคนอื่น กลางคืนก็ไม่กล้านอนกับยาย ต้องไปนอนกับแม่
นางปรียา แม่น้องไข่มุก กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ครอบครัวเป็นหนี้ เพราะต้องไปขอยืมเงินเพื่อนบ้านเพื่อมาใช้จ่าย แค่ค่ารถแท็กซี่ไปโรงพยาบาล ไป-กลับ ก็ 600 บาท ก็แทบจะไม่มี ไหนลูกยังต้องกิน ต้องใช้จ่ายในครอบครัว เงินเดือนออกมาก็ไม่พอใช้ ต้องไปขอยืมเขามาใช้ อนาคตของลูกที่เคยเป็นเด็กแจ่มใสร่าเริงทำอะไรเองได้ทุกอย่าง ตอนนี้หน้าตาเขาก็เปลี่ยนไปหมด รอยยิ้มลูกตอนนี้ก็ไม่มี ตนรับไม่ได้ที่ลูกเป็นแบบนี้ ครอบครัวลำบากมาก แต่ละวันเงินก็ไม่พอใช้ ห่วงสภาพจิตใจของน้อง เพราะเมื่อก่อนเขาจะคุยทักทายกับคนทั่วไป แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่ทัก ไม่คุยกับใครเลย ไปที่ทำงานก็ไม่คุยกับใคร ไปไหนเขาก็ติดไปด้วยตลอด
ตอนนี้มีอาการหวาดกลัวสถานที่เกิดเหตุ อยู่บ้านไม่ได้ กลัวสุนัขทุกตัว อยากถามเจ้าของสุนัข ไหนบอกว่าจะช่วยเหลือครอบครัวทุกอย่าง ทำไมไม่ช่วย มาดูน้องบ้าง เอาขนมมาให้น้องบ้าง อยากให้เขารับผิดชอบเหมือนตอนที่เขาพูดไว้ ห่วงอนาคตของน้อง หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าหน้าไม่กลับมาเป็นปกติ จิตใจเขาก็ย่ำแย่ ไม่อยากเป็นหนี้ แต่ก็ต้องทำเพื่อลูก ตอนนี้ไม่มีที่ปรึกษา อยากให้ทางเพจกล้าที่จะก้าวช่วยเหลือ
นายอธิวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้ลงพื้นที่มาที่บ้านน้องไข่มุก พยายามจะคุยกับน้อง แต่น้องไม่คุยด้วย น้องมีบาดแผลเต็มศีรษะ ตาขวาหลับไม่สนิท เวลายิ้มหน้าจะเบี้ยว การได้ยินก็ผิดปกติ อยากบอกเจ้าของสุนัขว่าเรื่องนี้กระทบจิตใจน้องไปจนโต ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ เงินที่ทางครอบครัวเรียกร้องไป มันไม่ได้มากมายกับชีวิตน้องที่เปลี่ยนไป และยังต้องรักษาอย่างต่อเนื่องอีก ขอให้ช่วยครอบครัวเขาบ้าง ส่วนเรื่องค่ารักษาที่จะผ่าตัดในวันที่ 6 พ.ค. นี้ ทางครอบครัวยังไม่มีเงินเลย ฐานะทางบ้านก็ยากจน ตนจะรับเรื่องพาครอบครัวไปพบผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ช่วยเหลือในการรักษาครั้งนี้ และจะพูดคุยเรื่องการรักษาในอนาคต ส่วนเรื่องการเยียวยาคุ้มครองสิทธิ ตนจะพาไปกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอการช่วยเหลือ
เบื้องต้นได้ประสานไปทางชุดทำงานของ นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอเข้าพบและให้การช่วยเหลือเรื่องการรักษาพยาบาล ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้.