สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ว่า ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ผู้นำอิหร่าน เดินทางไปยังท่าเรือชาฮิด ราจี ซึ่งเป็นท่าเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองบันดาร์ อับบาส ของจังหวัดโฮร์โมซกอน ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเกิดเหตุระเบิดครั้งรุนแรง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นมากกว่า 40 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,200 คน


ทั้งนี้ เปเซชเคียนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมทั้งเดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะที่มีรายงานพลเมืองจีนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่า อาการของชาวจีนทั้งสามคน “ทรงตัว”


ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่าได้ส่ง “เครื่องบินหลายลำพร้อมผู้เชี่ยวชาญ” เดินทางไปยังอิหร่าน เพื่อสนับสนุนความพยายามของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ในการควบคุมสถานการณ์ เนื่องจากยังคงมีรายงานการเกิดระเบิด และเปลวเพลิงยังคงลุกลาม


ขณะที่อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กำชับให้หน่วยงานทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง “สืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด” เพื่อค้นหาต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงของเหตุระเบิดครั้งนี้

ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ผู้นำอิหร่าน เยี่ยมหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุระเบิดที่ท่าเรือชาฮิด ราจี ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดโฮร์โมซกอน


ทั้งนี้ บริษัทจัดจำหน่ายน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันของอิหร่าน ออกแถลงการณ์ว่า การระเบิดที่ท่าเรือชาฮิด ราจาอี ไม่เกี่ยวข้องกับโรงกลั่นน้ำมัน รถบรรทุกน้ำมัน และท่อส่งน้ำมัน


แม้รัฐบาลอิหร่านพยายามจัดการสถานการณ์ครั้งนี้ว่า “เป็นอุบัติเหตุ” อย่างไรก็ตาม เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าว ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ว่าสาเหตุของการระเบิดมาจากโซเดียมเปอร์คลอเรต เป็นหนึ่งในสารออกซิไดซ์ที่มีความแรงสูง และเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญ ของการผลิตเชื้อเพลิงแข็งสำหรับขีปนาวุธ


นอกจากนี้ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานด้วยว่า อิสราเอลเคยปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ ที่ท่าเรือชาฮิด ราจี เมื่อปี 2563.

เครดิตภาพ : AFP