รายงานข่าวจาก บริษัท ห้างขายทองฮั่วเซ่งเฮง จำกัด เปิดเผยว่า จากสรุปคาดการณ์ราคาทองคำ 11 ธนาคารชั้นนำระดับโลก พบว่าหลายสถาบันมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาทองคำในปีนี้ โดยพบว่า 2 สถาบันที่คาดการณ์ราคาทองคำสูงที่สุด ได้แก่ โกลด์แมนแซคส์ และดอยซ์แบงก์ ซึ่งมองว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ภายในปีนี้ ขณะที่ เจพีมอร์แกนตั้งเป้าระยะยาวในปี 69 อาจขึ้นไปถึง 4,000 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์

ขณะเดียวกันธนาคารรายใหญ่อื่นๆ เช่น กลุ่มธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ปรับการคาดการณ์ราคาขึ้น เป็น 3,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ และ ซิตี้แบงก์ ปรับการคาดการณ์ราคาเพิ่มเป็น 3,500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธนาคารยูบีเอส ที่คาดการณ์ราคาประจำปีไว้ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เช่นกัน ด้านธนาคารแห่งอเมริกา ตั้งเป้าราคาใหม่ที่ 3,350 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ จากคาดการณ์เดิมที่ 3,063 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ มอร์แกน สแตนลีย์ แม้จะตั้งเป้าหมายใหม่ที่ค่อนข้างต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ ที่ 3,400 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ แต่ก็ยังถือเป็นการมองเชิงบวกเมื่อเทียบกับสภาวะตลาดปัจจุบัน

ทั้งนี้ คาดการณ์ดังกล่าวมาจากปัจจัยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้น รวมถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ยังไร้วี่แววคลี่คลาย การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจากปัจจัยเศรษฐกิจและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และแรงเทขายในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งผลักดันให้นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ รวมทั้งการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางจีนยังเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในทิศทางขาขึ้นของทองคำ

“การคาดการณ์ราคาทองคำที่ปรับขึ้น สะท้อนให้เห็นความคาดหวังและความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินชั้นนำที่มีต่อทองคำ ในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและป้องกันเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเกิดความผันผวน แม้เป้าหมายราคาทองคำที่ปรับขึ้นดังกล่าว อาจไม่ส่งผลให้ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไปจากเดิม แต่มีแนวโน้มส่งผลบวกต่อจิตวิทยาในการลงทุน”

รายงานข่าวจากบริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด กล่าวว่า ทองคำระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ จากปัจจัยค่าเงินบาท แผ่นดินไหว และนโยบายภาษีทรัมป์ ส่งผลให้ไทยได้รับแรงกดดันสูง โดยตลาดคาดว่าในวันที่ 30 เม.ย. นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดดอกเบี้ยลงไปสู่ระดับ 1.75% ซึ่งอาจทำให้เงินบาทอ่อนค่า และส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในระยะสั้นได้

ส่วนปัจจัยทองคำโลกได้รับแรงกดดันหลังจาก ทรัมป์ มีท่าทีผ่อนปรนต่อจีน และยังบอกว่าการเจรจาการค้ากับจีน กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มมีความหวัง และมีการปรับพอร์ตไปหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ทองคำได้ปรับตัวลงมากว่า 240 ดอลลาร์ ซึ่งการฟื้นตัวรอบนี้อาจยังไม่จบ เพราะยังไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนจากการเจรจา