สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่า คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้เจ้าหน้าที่เผยแพร่รายชื่อรัฐ และหน่วยงานท้องถิ่น ที่ขัดขวางการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง ภายในระยะเวลา 30 วัน โดยรัฐหรือหน่วยงานซึ่งปรากฏอยู่ในรายชื่อ อาจเผชิญความเสี่ยงต่อการเข้าถึงเงินทุนของรัฐบาลกลางในบางส่วน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นางแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า จำนวนผู้อพยพไร้เอกสารที่ชายแดนเม็กซิโกลดลง 95% จาก 140,000 คน เหลือเพียง 7,000 คน ในช่วง 12 เดือน นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2567 ซึ่งยังอยู่ในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

เธอกล่าวว่า ขณะนี้ พรมแดนอเมริกามีความปลอดภัย เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ได้ฟื้นฟูหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง และปกป้องอำนาจอธิปไตยของประเทศ

คำสั่งฝ่ายบริหารฉบับนี้ ได้พุ่งเป้าไปที่ “เมืองพักพิง” ซึ่งสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยข้อมูลกับรัฐบาลกลางเกี่ยวกับผู้อพยพ หากพวกเขาเสี่ยงต่อการถูกเนรเทศ

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ยืนยันสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองผู้ลี้ภัย และตัดสินว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์ “ไม่สามารถยึดเงินของรัฐบาลกลาง” จากหน่วยงานที่ให้การคุ้มครองผู้อพยพ

ในวันเดียวกันนั้น ป้ายต่าง ๆ ที่ปรากฏภาพของผู้อพยพ ถูกวางเรียงรายอยู่บริเวณสนามหญ้าของทำเนียบขาว พร้อมคำว่า “ถูกจับ” (arrested) อยู่เหนือภาพ และความผิดที่ถูกกล่าวหา อาทิ ฆาตกรรมโดยเจตนา ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ไปจนถึงการจำหน่ายสารเสพติดเฟนทานิล.

เครดิตภาพ : AFP