นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธาน กกร. เปิดเผยว่า วันที่ 2 พ.ค. เวลา 10.30 น. ผู้แทนคณะกรรมการ่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เตรียมยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี คัดค้านนโยบายการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โดยจะไม่ใช้ซิงเกิล พูล ก๊าซ ซึ่งเป็นการใช้ราคาเดียวกันในทุกภาคส่วน เปลี่ยนเป็นให้ภาคอุตสาหกรรม รับภาระต้นทุนก๊าซแอลพีจีนำเข้า ซึ่งมีราคาสูงสุดแทน เนื่องจากมองว่า ไม่เป็นธรรมกับทุกภาคส่วน ได้ไม่คุ้มเสียกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของภาคเอกชน อาจทำให้ภาคเอกชนแบกรับต้นทุนไหวปิดตัวลงได้   

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างพูล ก๊าซ เป็นแนวคิดของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 6 พ.ค. จะหารือในเรื่องดังกล่าว ซึ่งปกติแล้วนายกฯ จะเป็นประธานการประชุมโดยตำแหน่ง แต่ช่วงหลังได้มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ เป็นประธานแทน จึงต้องยื่นหนังสือให้นายกฯ ได้ทบทวนแนวคิดดังกล่าวก่อนวันประชุม กพช.

“การที่กระทรวงพลังงาน อยากจะลดค่าไฟให้ภาคประชาชนถือเป็นเรื่องดี แต่แนวทางที่ทำไม่ตรงกับแนวทางที่ภาคเอกชนทั้ง 3 สถาบัน รวมถึงคนส่วนใหญ่มองควรจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด เพราะวิธีการปรับโครงสร้างพูล ก๊าซ เป็นแค่โยกภาระมาให้ภาคอุตสาหกรรม นำเอาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมาผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ต้นทุนถูกที่สุด อีกทั้งภาคอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซฯ ต้องเพิ่มสัดส่วนต้นทุนที่เป็นภาระขึ้นไปอีก 60% หรือประมาณปีละ 30,000 ล้านบาท ได้ไม่คุ้มเสีย เป็นการซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ผลิตสินค้าและส่งออกของไทย อาจต้องปิดตัวลง ดังนั้นในภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอน เกิดความผันผวนด้านสงครามการค้า และนโยบายภาษีสหรัฐ ส่งผลให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศที่หลายอย่างสู้ไม่ได้ เพราะต้นทุนไทยยังแพงมาก”  

สำหรับข้อเสนอของกกร.มี 4 ข้อ คือ 1.ศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อลดผลกระทบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างสมดุลตลอดห่วงโซ่อุปทาน พิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของโครงสร้างพลังงานอย่างเหมาะสมและยั่งยืนมากกว่าการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ 2.ราคาที่นำมาปรับใช้ ควรเริ่มต้นที่ราคาซิงเกิล พูล ก๊าซ ให้เหมือนกันทุกภาคส่วน และกำหนดวิธีกำกับราคาเพิ่มเติมให้ภาคอุตสาหกรรม เช่น กำหนดสูตรโครงสร้างราคาที่มีการควบคุมปริมาณการใช้ปริมาณการใช้ก๊าซฯ เฉลี่ยต่อวัน ให้ใช้ราคาแอลเอ็นจี นำเข้า เพื่อลดปริมาณการนำเข้าแอลเอ็นจี หรือกำกับราคาแบบที่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำที่เหมาะสมในการซื้อขายก๊าซฯ

นอกจากนี้ 3.ภาคอุตสาหกรรมควรได้รับสิทธิในการใช้ก๊าซฯ จากอ่าวไทย อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เนื่องจากก๊าซฯ เป็นทรัพยากรภายในประเทศไทยที่เป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคนและทุกภาคส่วน และ 4. ภาครัฐควรรณรงค์ประหยัดพลังงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนในกลุ่มเปราะบางด้วยวิธีการอื่นที่เหมาะสม แทนการผลักภาระให้ภาคใดภาคหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่ กกร. ได้เสนอมาโดยตลอด คือ การตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาพลังงาน (กรอ.พลังงาน) เพื่อหารือเสนอแนะเพื่อให้เห็นปัญหาที่ตรงจุด