เมื่อวันที่ 11 พ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เผยแพร่รายการ “คุยกับลุง” EP5  ในวันนี้เป็นการคุยเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อจาก EP 4

นายสุเทพ กล่าวว่า เวลาผ่านมา 1 สัปดาห์ เราเห็นชัดเจน พวกหนึ่งก็สุดโต่งมาก ถึงขนาดว่า ต้องยกเลิกไปเลยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ให้มีอีกต่อไป อ้างเหตุผลมากมาย ซึ่งไม่ถูกใจพวกเราคนไทยทั้งนั้น ในการยกเหตุผลนั้นๆ มา อีกพวกหนึ่งซึ่งเป็นฝ่ายพรรคการเมือง ก็ประกาศว่า จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยย้ายจากหมวดความผิดต่อรัฐ ต่อความมั่นคงรัฐ หรือ ต่อความมั่นคงต่อราชอาณาจักร ไปไว้ในลักษณะความผิดอื่น ที่เป็นการเฉพาะ เพราะว่าต้องการที่จะให้มีโทษเบาลง แล้วประกาศชัดอีกว่า ถ้าหากผู้ใดกระทำการวิพากษ์ วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต หรือติชมโดยสุจริต ไม่ต้องรับโทษในฐานะที่กระทำความผิดตามมาตรา 112 เรียกว่ายกเว้นโทษให้คนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์พระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือ รัชทายาท ตรงนี้คนไทยเขาไม่ยอม

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า รู้สึกเป็นห่วง ผู้ที่กำลังเคลื่อนไหวสนับสนุนให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คิดว่าผู้ที่เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. เป็นพรรคการเมืองมีกฎหมายเยอะแยะ ที่ควรจะไปแก้ไข ปรับปรุง เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ไม่น่าที่จะมาทำเรื่องกฎหมายนี้ ซึ่งมีผลกระทบต่อจิตใจของประชาชนส่วนใหญ่ พรรคการเมือง นักการเมือง ที่ยังดึงดันที่จะผลักดันที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คิดว่า จะต้องถูกคนไปร้องเรียน อาจจะไปร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ร้องเรียนต่อศาลฎีกา หรือ แม้แต่ไปร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินคดีอาญา คนที่ทำไปแล้ว ดูหมิ่น ให้ร้ายต่อพระมหากษัตริย์ไปแล้ว ก็ถูกดำเนินคดีอยู่  แค่ไปขึ้นเวทีไปสนับสนุน ไปชุมนุมด้วยก็ผิดนะ ไม่ใช่คนที่เสนอให้แก้ แต่เป็นคนที่ไปพูดจาสนับสนุน เกิดปัญหาได้ มีประมวลกฎหมายอาญาอีกมาตราหนึ่ง ที่มีคนกล่าวถึงอยู่บ้าง

“คือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116  ถ้าผู้ใดกระทำด้วยวาจา หนังสือ หรือ วิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ มีโทษจำคุก มีองค์ประกอบไว้ว่า ถ้าการกระทำนั้น ทำให้เกิดปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มีโทษจำคุกสูงถึง 7 ปี อย่าไปคิดว่าผมมาข่มขู่ แต่เป็นการแสดงคิดเห็นในฐานะที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ ผมเจอมาแล้ว ผมไปชุมนุมเดินขบวนปี 2556-2557 ขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้ข้าราชการหยุดทำงานรับใช้ระบอบทักษิณ ไม่เป็นเครื่องมือให้เขาทำการทุจริตคอร์รัปชั่น และให้มาร่วมชุมนุมกับประชาชนแค่นี้ เข้าข่ายความผิดมาตรา116 ว่า เป็นการกระทำที่ไม่ใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ผมก็สู้นะว่าดำเนินการอย่างนี้ ผมก็ยกรัฐธรรมนูญให้ดูแล้วมันเข้าข่ายจริงๆ” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า เพราะรัฐธรรมนูญมีความมุ่งหมายที่จะพิทักษ์รักษาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้ององค์พระประมุขของชาติ  ผมก็โดนข้อหานี้ ผมขึ้นเวทีปราศรัยเรียกร้องให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป ให้ปฏิรูปประเทศให้เสร็จก่อน แล้วค่อยให้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ผมก็โดนความผิดนี้ ต่างกรรมต่างวาระ ทำเมื่อไรก็ผิดกระทงหนึ่ง วาระไหนก็ผิดอีกกระทงหนึ่ง ผมโดนไป 3 กระทง สู้คดีมา 2 ปีกว่า ในที่สุดศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกผม 5 ปี เพื่อนๆ โดนกันทั้งนั้น ที่มาร่วมด้วย เพราะฉะนั้น ผมเคยพบเคยเห็น เคยมีประสบการณ์  ก็เอามาบอกเล่าให้ท่านทั้งหลายที่กำลังเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ว่า โปรดมีสติยั้งคิดสักนิด ไม่สนุกเลยเรื่องติดคุก ผมไปมาแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกผม 5 ปี วันนั้นมีปัญหาเรื่องการประกันท่านไม่ให้ประกัน ผมต้องไปอยู่ในคุก 3 วัน 2 คืน กินข้าวในคุก นอนในคุกมาแล้ว ทุกข์ยากมาก บอกเลย หลีกเหลี่ยงได้ เปลี่ยนใจเถอะ

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ผมเจอมาแล้วถึงมาเล่าให้ฟัง นี่ก็เป็นห่วงน้องๆ ที่มาเดินขบวนในใจคิดอะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องระวังกว่าการกระทำทุกอย่างมันต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ตอนสู้คดี 2-3 ปีว้าเหว่มาก เหลือกันไม่กี่คน ยิ่งตอนติดคุกยิ่งว้าเหว่ เพราะฉะนั้นถ้าผมพูดอะไร แล้วทำให้ท่านทั้งหลายได้คิด ได้สติก็ได้โปรดระลึกว่า ด้วยความหวังดีจริงๆ ผมสู้กับระบอบทักษิณ แต่สิ่งที่ท่านกำลังทำ คนไทยไม่ยอมหรอกเรื่องนี้ ท่านเห็นแก่ความสงบสุขของประเทศคิดว่า ต้องยับยั้งชั่งใจเปลี่ยนใจ เพราะว่าจะเป็นชนวนให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่าง ท่านกับประชาชนส่วนใหญ่ของแผ่นดินที่จะนำความยุ่งยากลำบากมาทุกฝ่าย ผมมีความคิดเห็นอย่างนี้ยืนยันด้วยว่า ผมอยู่ฝ่ายที่ไม่เอาด้วยกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และผมพร้อมที่จะร่วมขบวนในการต่อสู้กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศเพื่อที่จะพิทักษ์รักษา สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำหน้าที่ของเราตามรัฐธรรมนูญ พิทักษ์รัฐธรรมนูญ