ปัญหาการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งรวมถึงอาการท้องผูก สามารถส่งผลกระทบกับร่างกาย หรืออาจนำไปสู่การเกิดโรคอื่นๆตามมา เราจึงควรใส่ใจพร้อมกับหาทางแก้ไขอาการดังกล่าว
“โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย” มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับลักษณะอาการและวิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง โดย “ท้องผูก” คือการทำงานผิดปกติของลำไส้ซึ่งมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ข้อ
1) ถ่ายยากต้องเบ่งมากกว่าปกติ
2) ถ่ายอุจจาระแข็ง
3) ถ่ายไม่สุด
4) รู้สึกเหมือนมีอะไรมาอุดปลายทวาร
5) บางครั้งต้องใช้นิ้วล้วงอุจจาระออก
6) ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์

โดยมีอาการที่กล่าวมาอย่างน้อยร้อยละ 25 ของการขับถ่าย และเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน อย่างไรก็ตาม ควรระวังว่าอาการท้องผูกดังกล่าว หลายครั้งอาจเกิดจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี และยังไม่เคยรับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ หรือมีอาการถ่ายเป็นเลือด เบื่ออาหาร น้ำหนักลดร่วมด้วย
ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความจำเป็นในการส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องลำไส้ใหญ่
สาเหตุของอาการท้องผูก
– ดื่มน้ำไม่เพียงพอ
– รับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ
– ขาดการออกกำลังกาย
– โรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ภาวะไทรอยด์ต่ำ โรคทางระบบประสาท
– ความเครียด และการใช้ยาบางประเภท

รักษาอาการท้องผูกอย่างถูกวิธี
– รับประทานอาหารที่มีกากใยทุกมื้อ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ถั่ว
– ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
– หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
– หากอาการยังไม่ดีขึ้นหลังปรับพฤติกรรม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรับการรักษาอย่างถูกต้อง
