เมื่อวันที่ 4 พ.ค. “หมอแม่ Dr.mom” ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงาม ให้ความรู้ในรายการ “Tuck Talk” กับพิธีกรชื่อดัง ตั๊ก มยุรา โดยเปิดเผยถึงเรื่อง “กลิ่นตัว” ที่หลายคนมองข้าม แต่แท้จริงแล้วอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ลึกซึ้ง รวมถึงสัญญาณของโรคร้ายในระยะสุดท้าย
หมอแม่ อธิบายว่า กลิ่นตัวมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรม โดยเฉพาะคนเอเชียที่มีแนวโน้มกลิ่นตัวน้อยกว่าชาวยุโรป นอกจากนี้ ยีนบางชนิด เช่น ยีนเอบีซี11 และกรดอะมิโนไกลซีน ยังเชื่อมโยงกับการมีกลิ่นตัวและขี้หูเปียก ซึ่งอาจมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านมชนิดที่ไม่ตอบสนองต่อเคมีบำบัด
นอกจากนี้ กลิ่นตัวยังเปลี่ยนแปลงไปตามอายุและฮอร์โมน โดยเฉพาะในวัยทองที่จะมีกลิ่นเฉพาะจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึง “กลิ่นแก่” ที่มักเริ่มปรากฏในวัย 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีลักษณะอับๆ คล้ายเทียนไข เบียร์หมัก หรือเฟอร์นิเจอร์เก่า กลิ่นนี้มีสาเหตุมาจากไขมันบนผิวหนัง ต่อมกลิ่น และต่อมไขมันที่ผลิตโอเมก้า 7 มากขึ้น ทำให้เกิดสาร 2-nonenal ซึ่งเป็นสารแอลดีไฮด์ที่ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัว ร่วมกับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายที่ลดลง

หมอแม่ ย้ำว่า กลิ่นแก่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลิ่นตัว ซึ่งมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน อาหาร (ผักที่มีซัลเฟอร์สูง เนื้อแดง) ยาบางชนิด (ยาฆ่าเชื้อ ยาลดไข้ ยาคลายเครียด) และสารเสพติด
สำหรับคนอายุน้อยกว่า 40 ปี ก็อาจมีกลิ่นแก่ได้หากไม่ดูแลสุขภาพ
ที่น่าตกใจคือ หมอแม่ เตือนว่า กลิ่นตัวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย เช่น เบาหวานจะมีกลิ่นคล้ายน้ำยาล้างเล็บ (กลิ่นคีโตน) โรคตับอาจมีกลิ่นสารพิษ คนกินเหล้าอาจมีกลิ่นละมุด แต่ถ้าไม่ได้กินเหล้าแล้วมีกลิ่นนี้ แสดงว่าตับอาจมีปัญหา ท้องผูกจะมีกลิ่นเน่าๆ ส่วนคนไข้ไตวายจะมีกลิ่นแอมโมเนีย และผู้ป่วยตับวายระยะสุดท้ายจะมีกลิ่นเหม็นขมสาบ
ดังนั้น หมอแม่ แนะนำว่า หากมีกลิ่นตัวผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ขับเหงื่อ กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และเปลี่ยนเสื้อผ้าสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ลูกหลานควรใส่ใจดูแลสุขภาพกายและใจของผู้สูงอายุในบ้านด้วย
ขอบคุณ รายการ “Tuck Talk”