เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คุณหมออารมณ์ดี เจ้าของเพจ “หมอเจด” ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ โดยระบุ ว่า

5 วิตามินสำหรับคนเป็นเบาหวาน

กินอะไรดี เสริมอะไรได้?

ใครที่เป็นเบาหวาน หรือมีคนใกล้ตัวเป็นเบาหวาน อาจเคยสงสัยว่า “เราต้องกินวิตามินเสริมหรือเปล่า?” หรือ “มีตัวไหนที่ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ไหม?” จริง ๆ แล้วการดูแลเบาหวานไม่ได้มีแค่เรื่องยา อาหาร หรือออกกำลังกายเท่านั้น บางครั้งวิตามินก็เป็นตัวช่วยเสริมที่ดี ถ้าเราเลือกถูกตัว และรู้ว่าร่างกายเราขาดอะไรจริง ๆ วันนี้เราเลยอยากชวนมารู้จัก 5 วิตามินและสารอาหารที่มีงานวิจัยรองรับว่าอาจมีประโยชน์กับคนเป็นเบาหวาน ทั้งในเรื่องควบคุมน้ำตาล ดูแลเส้นประสาท และป้องกันโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ

1. วิตามิน D

วิตามิน D หลายคนรู้ว่าดีต่อกระดูก แต่จริง ๆ แล้วมันยังช่วยให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้นด้วย (ที่เรียกว่า ความไวต่ออินซูลิน หรือ insulin sensitivity) ซึ่งตรงนี้สำคัญมากกับคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2  มีหลายงานวิจัยที่บอกว่า คนที่มีระดับวิตามิน D ต่ำในเลือด จะมีโอกาสดื้ออินซูลินสูงขึ้น ซึ่งทำให้น้ำตาลในเลือดควบคุมได้ยากขึ้น ถ้าใครอยู่ในเมือง ไม่ค่อยได้โดนแดด หรือกินอาหารที่มีวิตามิน D น้อย อาจต้องตรวจเลือดดูระดับก่อน แล้วค่อยเสริมเพิ่ม โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 800–2,000 IU/วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลเลือดและคำแนะนำของหมอ

2. วิตามิน B1 และ B12

คนเป็นเบาหวานมักจะเจอปัญหาชาปลายมือปลายเท้า หรือปวดแปล๊บ ๆ ที่เท้า โดยเฉพาะตอนกลางคืน ซึ่งเป็นอาการของปลายประสาทเสื่อม  ที่เกิดขึ้นได้บ่อยในคนที่น้ำตาลคุมไม่ดี และร่างกายขาดวิตามินบางตัว

• B1 (ไธอามีน)

ร่างกายเราขับ B1 ออกทางปัสสาวะเยอะขึ้นถ้าเป็นเบาหวาน โดยเฉพาะถ้าน้ำตาลสูงนาน ๆ ทำให้ขาดโดยไม่รู้ตัว  มีการศึกษาที่พบว่า การเสริม B1 โดยเฉพาะในรูปแบบ เบนโฟไธอามีน (benfotiamine)  ซึ่งดูดซึมได้ดี อาจช่วยลดอาการปลายประสาทเสื่อมได้

• B12

ใครที่กินยา เมทฟอร์มิน (Metformin) มานานต้องระวัง  เพราะมันมีผลต่อการดูดซึม B12 ที่ลำไส้ ทำให้ระดับ B12 ในเลือดค่อย ๆ ลดลง  ถ้าระดับต่ำมาก ๆ จะเริ่มมีอาการชา อ่อนแรง หรือรู้สึกเหน็บบ่อย ๆ ลองสังเกตกันนะครับ ถ้ากินเมทฟอร์มิน มากกว่า 3 ปี ควรตรวจ B12 บ้างมีอาการชาบ่อย ๆ ก็ควรให้หมอตรวจ B1, B12 และถ้าขาดจริง ๆ อาจต้องเสริมเป็นเม็ดหรือฉีด ขึ้นกับระดับในเลือด

3. แมกนีเซียม

หลายคนคิดว่าแมกนีเซียมแค่ช่วยไม่ให้เป็นตะคริว แต่จริง ๆ มันมีบทบาทเยอะมาก  โดยเฉพาะกับการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันในร่างกาย คนที่เป็นเบาหวานมักมีระดับแมกนีเซียมต่ำแบบไม่รู้ตัว แล้วพอเสริมเข้าไป น้ำตาลในเลือดในบางคนดีขึ้นนิดหน่อย โดยเฉพาะถ้าขาดจริง แหล่งอาหารแมกนีเซียมคือ ผักใบเขียว ธัญพืช ถั่วเปลือกแข็งถ้าจะเสริมแบบเม็ด ส่วนใหญ่เริ่มที่ 200–400 mg/วัน แต่ควรให้หมอดูร่วมด้วยนะ

4. โอเมก้า-3

โอเมก้า-3 คือกรดไขมันดีที่เรารู้จักกันดีจากปลาแซลมอน แมคเคอเรล หรือจากน้ำมันปลา จริง ๆ คนทั่วไปก็ควรกิน แต่กับคนเป็นเบาหวานมันยิ่งสำคัญ งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า โอเมก้า-3 ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนอันดับต้น ๆ ของเบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด บางคนอาจได้ผลเรื่องอินซูลินไวขึ้นด้วย ถ้าจะเสริม แนะนำ EPA + DHA รวมกันประมาณ 1,000 mg/วัน ถ้ากินยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ ควรปรึกษาหมอก่อน

5. ALA (แอลฟา-ไลโปอิก แอซิด): สารต้านอนุมูลอิสระสำหรับปลายประสาท ALA เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างได้เองนิดหน่อย และยังมีในอาหารบางอย่าง เช่น ผักโขม บรอกโคลี เครื่องในสัตว์ มีงานวิจัยจากยุโรปที่พบว่า ถ้าให้ ALA ประมาณ 600 มก./วัน สามารถช่วยลดอาการปลายประสาทเสื่อมในคนเป็นเบาหวานได้ และบางคน HbA1c ลดลงเล็กน้อยด้วย

สุดท้ายอยากย้ำอีกทีนะว่า “วิตามินไม่ใช่การรักษาเบาหวาน” การเสริมวิตามินจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อร่างกายขาด ไม่ใช่เพราะเราเห็นโฆษณา หรือมีคนแชร์ในโซเชียลแล้วรีบซื้อมากินเลย ถ้าอยากควบคุมเบาหวานให้ดีในระยะยาว สิ่งที่เวิร์กที่สุดคือ

•กินอาหารให้เหมาะกับร่างกายเรา

•ขยับตัวทุกวัน ออกกำลังกายเท่าที่ทำได้

•เจาะเลือดเช็กตามนัด

•และคุยกับหมอ ทุกครั้งก่อนจะเริ่มอาหารเสริมอะไรใหม่

แต่ถ้าใครที่เป็นเบาหวานและอยากดูแลตัว ก็เลือกกินวิตามินตามที่ผมบอกไปก็ได้ครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ