เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ. แถลงภายหลังการประชุม กมธ. ว่า การจัดทำข้อเสนอของ กมธ. เป็นข้อเสนอในเชิงภาพรวม เพื่อแก้ปัญหา ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ที่ผ่านมา เราจึงไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นเฉพาะเรื่อง หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่กรณีความรุนแรงล่าสุดนี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ และประชาชนสามจังหวัดชายแดนใต้ กังวลในความปลอดภัยและทรัพย์สิน ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศก็มีความกังวลว่า ความไม่สงบ หรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอดีตจะกลับมาหรือลุกลามบานปลาย โดย กมธ.ได้มีการหารือกัน เพื่อแสดงความคิดเห็นที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหา และทำให้เกิดการตั้งสติ เพื่อให้สังคมไทยช่วยกันคิดหาทางออกจากปัญหา และคุ้มครองให้ความปลอดภัยต่อประชาชน รวมถึงมีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด และสอดคล้องกับหลักนิติธรรม ตลอดจนกระบวนการซึ่งพยายามทำให้เกิดความร่วมมือกับทุกฝ่ายทุกภาคส่วนเพื่อพูดคุยสันติภาพ และทราบว่าฝ่ายรัฐบาลขณะนี้ มีความคิดนโยบายที่จะดำเนินการพูดคุยด้วย
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า กระบวนการพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการเริ่มเป็นกิจจะลักษณะในปี 56 และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน เพียงมีการหยุดชะงักในการตั้งคณะพูดคุย เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง ต้องมีการตั้งคณะพูดคุยตามระเบียบบริหารราชการของรัฐบาลใหม่ ดังนั้น เราอยากให้สังคมเกิดความเข้าใจว่า ปัญหาความขัดแย้งความไม่สงบในชายแดนใต้ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน สะสมมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งหลายฝ่ายกำลังพูดถึงการทบทวนว่าการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เป็นเพราะเหตุใด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราจะจัดทำรายงาน เพื่อนำข้อเสนอเข้าสู่สภา และส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป
ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะโฆษก กมธ. ได้อ่านแถลงการณ์ กมธ. ต่อความรุนแรงระลอกล่าสุดในพื้นที่ชายแดนใต้ว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยมีการสังหารพลเรือน เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ รวมถึงพระสงฆ์ในศาสนาพุทธและครูสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งได้สร้างความสะเทือนใจประชาชนในวงกว้างและทำให้สถานการณ์ชายแดนใต้อยู่ในภาวะเปราะบางอย่างยิ่ง ประชาชนในพื้นที่ต้องอยู่ในภาวะหวาดระแวง วิตกกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในสภาวะเช่นนี้ การใช้สติและเหตุผลในการเผชิญเหตุเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อยุติความรุนแรงและแสวงหาทางออกอย่างสันติวิธี
กมธ.ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ 5 ข้อ ดังนี้ 1. กมธ.ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกความสูญเสีย เราขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันที เพราะการใช้ความรุนแรงไม่เพียงขัดต่อหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน หลักการทางมนุษยธรรม แต่ยังบ่อนทำลายกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างรุนแรง
2. กมธ.ยืนยันว่า ต้องมีการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธธรรมโดยเร็วที่สุด และดำเนินการตามหลักนิติธรรมและความโปร่งใส การให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่การคลี่คลายสถานการณ์ลดความหวาดวิตก ไม่ไว้วางใจกันในพื้นที่
3. กมธ.ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
4. กมธ.ขอสนับสนุนให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุยสันติภาพ เพื่อยุติความรุนแรงและสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกันอย่างสันติภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
5. กมธ. ตระหนักว่าปัญหาความขัดแย้งรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความซับซ้อนและต้องการแนวทางการสร้างสันติภาพในหลากหลายมิติ รวมทั้งต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วน คณะกรรมาธิการฯ กำลังเร่งจัดทำรายงานที่ครอบคลุมข้อเสนอทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้อย่างยั่งยืน.