เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2568 ที่บ้านพอเพียง ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี ดร.เฉลิมพล ศักดิ์คำ หมอสมุนไพรพื้นบ้าน ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเปิดรับรักษาผู้ป่วยจากโรคสะเก็ดเงิน และโรคทางผิวหนัง พร้อมด้วย เภสัชกร กานน ธรรมเจริญ หรือ หมอปู้ จันทบุรี และทีมงาน ได้รับตัวน้องน้ำปั่น อายุ 12 ปี จาก จ.ชลบุรี ที่ป่วยโรคตุ่มน้ำพอง ทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 6 ปี และได้ไปออกรายการ “ทนายไพศาลช่วยด้วย” เข้ามาทำการรักษา โดยมีคุณยายของน้องน้ำปั่น อายุ 51 ปี เดินทางมา ด้วย

โดยหลังจากที่ น้องน้ำปั่น มาถึงทางเมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ค. ดร.เฉลิมพล และทีมงาน ได้ตรวจสอบบาดแผลตามร่างกาย พบว่า น้องน้ำปั่น เป็นโรคตุ่มน้ำพอง ที่เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เบื้องต้น จึงได้ใช้น้ำยาสมุนไพรพื้นบ้าน มาฉีดพ่นตามร่างกาย ซึ่ง น้องน้ำปั่น ไม่ได้มีอาการหวาดกลัวกับการรักษา แต่จะมีร้องไห้ เพราะอาการเจ็บที่เกิดจากแผลที่ตึง จากการตัดผ้าก๊อตที่พันตัวออก เพราะผ้าก๊อตได้ติดกับบาดแผลทำให้เจ็บ ขณะที่ ผู้เป็นยายนั่งรออยู่ใกล้ๆถึงกับน้ำตาซึม ด้วยความเจ็บปวดแทนหลาน ต่อมาจึงได้พ่นยาสมุนไพรทั่วทั้งร่างกาย พร้อมกับนำแป้งมาพอกตัวแก้อาการคัน
ดร.เฉลิมพล และเภสัชกร กานน กล่าวว่า โรคตุ่มน้ำพอง ของน้องน้ำปั่น จะใช้การรักษาแบบสมุนไพรไทย ประมาณ 3 เดือน โดยช่วง 1 สัปดาห์ถึงเดือนแรก น้องจะมีอาการดีขึ้น ซึ่งใช้ยาสมุนไพรพ่นตามร่างกายไปก่อน แล้วถ้าน้องคุ้นเคยกับยา ก็จะใช้วิธีการอาบ และสังเกตบาดแผลพุพองอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการคุมอาหาร ที่น้องรับประทานในช่วงการรักษา ซึ่งหลังจากนี้ประมาณ 3-4 เดือน น้องจะเป็นปกติกลับมาใช้ชีวิต กลับไปเรียนได้แน่นอน

ซึ่งจากการติดตามอาการของน้องน้ำปั่น หลังผ่านไป 1 คืน พบว่าวันนี้(7พ.ค.) อาการคันจากแผลน้ำเหลืองลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องใช้ผ้าก็อตพันรอบบาดแผลเหมือนเคย ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้น้ำยาสมุนไพร มาฉีดพ่นตามร่างกาย และใช้แป้งพอกตัว เพื่อแก้อาการคันให้ทุเลา ไม่เกิดการเกาซ้ำอีก โดยปากแผลหลายจุดจับตัวดี แผลเริ่มแห้ง แต่ยังมีบางจุดที่พบว่ายังมีน้ำเหลืองอยู่บ้าง ซึ่งโดยรวมดีขึ้น
ขณะที่ ยายของน้องน้ำปั่น บอกว่า รู้สึกมีความหวังมากว่าหลานจะมีอาการดีขึ้น ตั้งแต่ทราบว่า มีผู้ใหญ่ใจดีที่จันทบุรี จะขอยื่นมือช่วยเหลือ เพราะก่อนหน้า ที่พาหลานไปรักษาตามแพทย์ปัจจุบันจนเริ่มท้อใจเพราะป่วยมานานกว่า 6 ปีแล้ว โดยตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนกระทั่งวันนี้ พบว่าหลานอาการดีขึ้น สบายตัวขึ้นไม่พันผ้าก็อตเหมือนแต่ก่อน ก็รู้สึกลึกๆในใจ ว่าหลานจะหายได้ในเร็ววัน ซึ่งก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยเหลือ

ส่วนเรื่องการเรียนของน้องน้ำปั่นช่วงที่รับการรักษา ต้องหยุดเรียนไว้ก่อนเพราะไม่สะดวกในหลายเรื่อง เกรงว่าจะเป็นภาระของครู และทางโรงเรียน แม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักก็ตาม แต่เชื่อว่าหลานคนนี้ยังเป็นเด็กฉลาด และยังรอโอกาสในการเรียน แต่ต้องรักษาตัวให้หายก่อน ส่วนการเดินทางมารักษาตัวที่ จันทบุรี ตนได้บอกกับแม่ และพ่อ ของหลาน ที่แยกทางกันไปแล้ว แต่ยังแวะเวียนเดินทางมาดูน้ำปั่นอยู่บ้างเป็นระยะซึ่งภายหลังมีการนำเสนอเรื่องราวของน้องน้ำปั่น ทำให้มีชาวจันทบุรี ที่ทราบข่าว เดินทางซื้อสิ่งของมาเยี่ยม โดยไม่รังเกียจน้อง พร้อมให้กำลังใจสู้ๆ และเชื่อว่าอีกไม่นานก็สามารถวิ่งเล่น เรียนหนังสือใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว