ยังคงถูกจับตามองอยู่เสมอ สำหรับ พระเอกหนุ่มหุ่นล่ำ“อั้ม อธิชาติ” ที่ได้เลิกรากับอดีตภรรยา “นัท มีเรีย”ไปเมื่อปลายปี 67 ผ่านมากท่ามกลางข่าวลือสะพัดถึงสาเหตุที่เลิกรากันเพราะฝ่ายชายมีมือที่สาม ทำเอาแฟนๆที่ติดตามคู่นี้ผิดหวังกันอย่างมากมาย ก่อนที่หลายคนจะโยงไปที่“เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ”ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้หรือไม่นั้น ซึ่งต่อมา อั้มก็ยังคงใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่ทุกครั้งที่ลงคลิปในโซเชียลมักได้ยินเสียงผู้หญิงเข้ามาในคลิปเสมอ หลายคนมองว่าเสียงคล้ายเจนี่ หรือสงสัยว่าใช่แฟนใหม่ หรือเมียใหม่ของ อั้ม อธิชาติหรือเปล่านั้น

รู้แล้วเสียงในคลิป ‘อั้ม อธิชาติ’ คือใคร หลังถูกถามใช่เมียใหม่ไหม ฟังแล้วคล้าย ‘เจนี่’

ล่าสุด อั้ม อธิชาติ ได้มาร่วมงาน“Good Health Great Heart เฮลธ์ตี้ทั้งตัว หัวใจแฮปปี้” ก็ได้เปิดใจเคลียร์ประเด็นคลิปเสียงที่กำลังเป็นดราม่าอยู่ขณะนี้ พร้อมทั้งเป็นห่วงความรู้สึกของหลายคนที่ต้องมาถูกโยงในข่าวเสียหายกับตน โดยอั้มเผยว่า

“จากกรณี มาดามเมย์ วาสนา เขาโทรมาหาเราตอนนั้นที่มีข่าวเป็นมือที่ 3 เรา แต่เมย์ก็ตอบไปแล้วว่าไม่จริง รู้จักแค่ทำผลิตภัณฑ์ จริงๆ ก็เป็นสิ่งที่เราก็อยากพูด พี่เมย์ก็อยากพูด เพราะว่าข่าวที่ลือกันไปแบบมี 1 อย่างนี้ แต่ลือกันไป 8 9 10 ใช้คำที่ว่าฉันรู้ ฉันแน่ใจ ฉันมั่นใจ ซึ่งพี่ก็บอกทุกครั้งแล้วว่าความจริงมันคือเท่านี้ มีอะไรมาพิสูจน์กับพี่ ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรที่จะมาพิสูจน์ ซึ่งเราก็บอกว่ามันเท่านี้ อย่าง “พี่มดดำ คชาภา” ก็จะรู้จัก เพราะว่าเราก็ต่างทำงานด้วยกัน ก็เจอกันในบางงานก็คุยกันก็เท่านั้นเอง

ในพาร์ตของมาดามเมย์ ถามว่าเรารู้จักกันประมาณไหน ก็จะเรียกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเราผลิตอาหารเสริม เราก็ต้องคุยกับโรงงานหลายที่อยู่แล้ว เพื่อดูว่าเราเหมาะกับอะไร แล้วโจทย์ของโรงงานในแต่ละที่อะไรที่ตอบโจทย์เราได้บ้าง แล้วก็อย่างที่บอกเราก็คุยงานกันในระดับปกติ คุณมดดำก็จะรู้ตั้งแต่ต้น เพราะตอนที่มีข่าว คุณมดดำก็ยังบอกเลยว่ามาอีกแล้วข่าวพวกนี้ คือเขาก็ดูอยู่ทุกขั้นตอน พอมันมีข่าว แล้วมันกวนใจเราขนาดไหน คือที่บอกว่ามีข่าวมันไม่กวนใจพี่ แต่พูดแล้วไม่จบ พูดแล้วไม่ฟัง มันเดือดร้อนคนอื่น แล้วพี่ก็ต้องบอกว่าในยุคนี้เป็นยุคที่มีข่าวสารกันขนาดนี้ เรายังฟังเรื่องเล่านินทาและพูดต่อๆ กันจนกลายมาเป็นเรื่องสนุกอยู่อีกหรือ

โดยเฉพาะสื่อในยุคนี้พี่ก็ต้องบอกว่าเรามีเครื่องมือมากมายในการใช้ ถ้าอะไรที่มันไม่ถูกพี่ก็อยากให้สื่อได้ขอโทษบ้าง คนพูดได้ขอโทษว่าฉันเข้าใจผิดนะ เรื่องนี้ฉันพูดไปโดยฉันไม่รู้ พี่อยากให้มันเกิดเรื่องราวแบบนี้ในสื่อบ้าง เพราะว่าอย่างที่เราบอก เรามีสื่อที่มันเป็นท็อกซิกเยอะ คำพูดคนก็เยอะ ฉะนั้นเราก็มองว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งที่เราอยากจะไปลดในส่วนนั้น เช่นตัวพี่เองสังเกตได้ว่าปกติเวลาเราจะมีเรื่องอะไรเราจะไม่พยายามเอาอะไรที่ไม่ดีไปใส่

ถามว่าเราคิดว่ามีการสนิทสนมอะไรจนเกินไปไหม ทำให้คนคิด ทำให้มีข่าวเม้าธ์มาได้ คือไม่ได้มีการสนิทสนมอะไรเกินไป เพราะจริงๆ ก็ต้องบอกว่าในการคุยงานทุกครั้งพี่อยู่ท่ามกลางคนมากมาย เพราะฉะนั้นเราก็ค่อนข้างระวังตัว ไม่เคยอยู่สองต่อสอง มดดำก็จะรู้ดี พี่ประชุมงาน 10 กว่าคน แต่บางคนที่ลือไป เอาภาพแค่ 2 คนในระหว่างประชุมงานที่นั่งกันอยู่ 10 คน ถามว่าถ่ายกล้องแค่นี้แล้วเห็น 2 คน แล้วก็ไปลือกันมันถูกต้องหรือเปล่า ในพาร์ตของมาดามเมย์เองที่ให้สัมภาษณ์ไปเขาก็งงเหมือนกันว่ามันเชื่อมโยงกับจักรวาลนี้ได้ยังไง คือ มันก็เชื่อมกันจนมั่วไปหมด พี่ต้องบอกอย่างนี้ไม่ว่าจะเป็นข่าวของคุณเมย์เองก็ตาม รวมถึงไม่ว่าจะเป็นข่าวช่วงที่แล้วที่นักข่าวเจอพี่ก็สัมภาษณ์เรื่องเพื่อนพี่ วันนี้ผัวเขาก็เลยมาด้วยเลย เขาก็มาเยี่ยมแหละเขามาทำงาน เป็นอีกหนึ่งที่โดนโยง”

อั้ม อธิชาติ เผยต่อว่า “ส่วนเรื่องเสียงปริศนาในคลิป คืออย่างนี้พี่ทำเพจสุนัข และพี่ก็อยากแชร์ข้อมูลสุนัข ซึ่งมันก็ต้องมีคนพากย์ แล้วคนพากย์ก็พากย์มาตั้งแต่ตอนที่พี่ไปน้ำท่วมพากย์ไปทุกอย่าง ซึ่งก็เป็นผู้ช่วยของพี่ เป็นผู้ช่วยคุณมดดำ รู้จักกันมาเกือบ 20 ปีได้มั้ง ทุกคนก็จะบอกว่าเอ๊ะเสียงนี้คุ้นๆ นะ เสียงคุณเจนี่หรือเปล่า ใช่แน่ๆ เลย ไม่ดูหมาเลยนะ ฟังแต่เสียงอย่างเดียว ซึ่งทุกอย่างเราเขียนไว้หมดตั้งแต่ข้อความ บางคนเข้าใจผิด เราก็เข้าใจได้ เราก็เขียนบอกเป็นใคร บางคนยังเข้าใจผิดก็ถ่ายคลิปให้ดูว่าอันนี้เป็นคนนี้นะอย่าไปพาดพิงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังเข้าใจผิดอยู่ และสิ่งที่สำคัญที่พี่เห็นคนเข้าใจผิดก็ส่วนหนึ่ง แต่สื่อนี่แหละ สื่อที่เขาเข้าใจผิด เนื้อข่าวไม่มีอะไรเลย มาขึ้นพาดหัวให้มันน่าสนใจเมียใหม่ อั้ม อธิชาติ พาดเพื่อเรียกเอ็นเกจเมนต์ แต่ในเนื้อข่าวไม่มีอะไร

แล้วอย่างคราวนี้ผู้ช่วยพี่ก็ชื่อเมย์เหมือนกัน เขาก็บอกว่าฝากคำนึงถึงนักข่าวหรือคนที่ลงข่าวจะพาดหัวอะไรนึกถึงผัวที่บ้านเขาด้วย เขาก็เดือดร้อนตรงที่ว่าผัวเขาก็ต้องโดนเพื่อนมาถาม แล้วก็ต้องมานั่งตอบ ต้องบอกว่าในเนื้อข่าวที่เขาลงมันไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่มีอะไร พาดหัวให้มันไม่มีอะไรได้ไหม นอกจากสงสารคุณเมย์แล้ว สงสารตัวน้องหมาไหมที่ในคลิปไม่มีคนสนใจเลย คือคนสนใจน้องหมาก็มีเยอะแหละ เราก็เลยบอกว่าดูหมาให้เป็นหมาเนอะ ดูสุนัขให้เป็นสุนัข ให้ดูว่าสุนัข เราสอนเขายังฟัง เขายังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เราเป็นมนุษย์ล่ะเราดูหมาเอาข้อมูลไปใช้ไหม เลี้ยงหมาแล้วเป็นยังไง ซึ่งก็บอกว่าในข้อมูลที่เราดู พี่ทำเพจหมาพี่ก็ฟังคนอื่นนะ

บางคนแนะนำว่าต้องเลี้ยงแบบนี้ ให้อาหารแบบนี้ เราก็รับฟัง แต่ที่มันไม่น่าฟังก็ต้องบอกว่าก็ไปดูที่อื่น พี่ต้องบอกว่า ณ ปัจจุบันนี้เรื่องราวพวกนี้มันไม่ได้มีประโยชน์ เรื่องราวที่เราควรใส่ใจและเราควรพูดถึงที่มันมีประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสังคม ต่อสิ่งรอบข้าง ให้นำความคิดเห็นเราที่มันเกิดขึ้นไปเกิดประโยชน์ ให้มันมีอีกเยอะ พวกนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เช่นนั่งถกเถียงกันว่าเสียงใคร ใช่แน่ๆเลย เมียแน่ๆ ฉันคอนเฟิร์ม แล้วอย่างนี้กลัวคนจับจ้องไหมว่าพอไปยืนใกล้กับกับคนที่เป็นพาร์ตเนอร์ ถามว่ากังวลไหม ก็ไม่กังวล มันเลี่ยงไม่ได้ ถ้าถามว่าสมมุติว่าพี่ไม่มีคนรอบข้างเป็นผู้หญิง รอบข้างเป็นผู้ชายจะมองว่ายังไง บาร์โฮสแน่นอน เป็นเกย์แน่นอน

อยากให้มีความเข้าใจกัน เข้าใจผิดได้นะพี่ไม่ว่าแต่เข้าใจผิดแล้วแก้ให้ด้วย ไม่ใช่พอเขาแก้แล้ว ไม่สนใจ ก็ไปข่าวอื่นแล้วนะ คำขอโทษไม่เคยมี ซึ่งพี่ต้องบอกว่าเราเป็นสื่อกันนะ เราเจอกันมาตั้งแต่เด็กๆ ในยุค 90 เรามีอะไรเราก็ขอโทษกันได้ พี่ผิดพี่ก็ขอโทษ พี่พลาดพี่ก็ขอโทษนะ ฉะนั้นนักข่าวรุ่นเก่าก็จะมีวันนี้พี่พลาดพี่ขอโทษ ฉะนั้นพี่อยากให้มีแบบนี้ เพราะทุกวันนี้สิ่งที่เราเห็นคืออะไร ที่มันไม่ใช่ในแบบที่คุณคิดก็จะย้ำเรียกคนมา สุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันตลอดเวลาในสังคม มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีเลย เราอ่านเรายังเหนื่อยเลยถูกไหม ถามถึงเรื่องผลกระทบ ถ้าโดยหลักของการขายไม่มี เพราะว่าจริงๆ อย่างที่พี่บอกพี่ไม่ได้ทำอะไร ทุกอย่างพี่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน

ถ้าเกิดพี่มีอะไรพี่ก็จะบอกว่าอันนี้เข้าใจผิด อันนี้ความผิดพี่พี่ยอมรับ แต่อันนี้มันไม่ใช่ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือพวกนี้มันเป็นเรื่องที่คนเข้าใจตีความกันไป ผู้ช่วยพี่เขาอยู่ตรงนี้ ญาติคนที่เขาเข้าใจผิดเขาก็มาตรงนี้ คุณเมย์ที่มีข่าวเขาก็บอกไปแล้วว่ามันไม่มีอะไร เพราะถ้าวันนี้พี่มีพี่คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ พี่คงเล่าให้เราฟังแล้วว่าคนนี้ใช่คนนี้ไม่ใช ทุกวันนี้สเตตัสโสดไหม ถ้าใช่ก็จะบอก ไม่ต้องลือ ไม่ต้องบอกว่าฉันรู้ดี ฉันอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะสิ่งที่พี่บอกว่าพี่เองไม่ได้อะไรเท่าไหร่ แต่บางทีคนอื่นเขาเดือดร้อน ครอบครัวเขาล่ะคนนี้ก็ต้องมานั่งตอบล่ะ อาจจะคิดเป็นเรื่องสนุกนะแต่ในใจเราลึกๆ เขาโดนผลกระทบ เขาสนุกหรือเปล่า คนลือมันลือกันสนุก คุณแค่สนุกในการพูด แต่คนอื่นที่ต้องได้รับผลมันมีหรือเปล่า”

ทั้งนี้ อั้ม อธิชาติ ได้เผยความรู้สึกห่วงทุกคนหลังากที่โดนโยงเป็นข่าวว่า “เป็นห่วงคนรอบข้างเหมือนกัน แต่จริงๆ ก็เป็นห่วงทุกคนแหละ เราก็มองว่ามันก็เป็นห่วงสังคมอย่างหนึ่งด้วยตรงที่ว่าเรื่องราวแบบนี้มันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่าในสังคม มันไม่ใช่แค่เรื่องที่เราเห็นในทุกวันนี้ถูกไหม เรื่องผัวเมีย เรื่องลือมันกลายเป็นว่าเมื่อเห็นที่ไหนปุ๊บมันจะเหมือนกันทุกอย่าง ไปขยุ้มอยู่ตรงนั้น นักข่าวต่างๆ ที่มีมากมาย วันนี้มันน่าจะเป็นเรื่องแผ่นดินไหว อุบัติภัยต่างๆ มันเกิดขึ้นมากมาย มันใกล้กับชีวิตเรามาก เรื่องนี้เราควรจะต้องพูดถึงกันมากกว่าหรือเปล่า เรื่องนี้พูดเสร็จปุ๊บมันช่วยเราได้ไหม มันช่วยครอบครัวเราได้หรือเปล่า แล้วควรจะใส่ใจมากกว่าเรื่องคนอื่นไหม

ตอนนี้ยืนยันว่าโสด(หัวเราะ) คืออย่างนี้เมื่อวานก็โสดเนอะ วันนี้ก็โสด พรุ่งนี้ก็โสด อดีต ปัจจุบัน อนาคตพี่ตอบครบแล้ว เมื่อวานก็ไม่มีใคร วันนี้ก็ไม่มี พรุ่งนี้ก็ไม่มี แต่ไม่ต้องถามพี่แล้วอนาคตล่ะ อนาคตพี่ตอบแล้วพรุ่งนี้พี่ไม่มี”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก atichart9