เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงคดีที่ศาลฎีกานัดคู่ความไต่สวนกรณีชั้น 14 ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยยืนยันว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวแทรกแซงกิจการในพรรคเพื่อไทย แต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีผลงานมามากมาย และยังได้รับเชิญไปเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน โดยขอว่าอย่านำเรื่องคดีของนายทักษิณมาตีความว่าจะทำให้รัฐบาลวุ่นวาย

เมื่อถามว่าใกล้วันที่ศาลนัดแต่นายทักษิณยังทำเรื่องขอออกนอกประเทศ ทำให้คนจับตาว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยในอดีตหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า นายทักษิณไม่มีความกังวล สส.บางคนไปทานมื้อเช้ากับนายทักษิณก็เห็น นายทักษิณมีความสุข ไม่ได้มีความกังวลใดๆ ทั้งสิ้นและเชื่อว่าได้เตรียมทีมต่อสู้ไว้แล้วและมั่นใจในตัวเอง ในพรรคก็ไม่ได้มีพูด หรือไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและมั่นใจว่านายทักษิณไม่ได้ทำอะไรผิด

เมื่อถามว่าวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ยังมีคดีทางการเมืองระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทยที่ยังสู้กันอยู่อย่างการฮั้วเลือก สว. สุดท้ายอาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คนทั่วไปก็พูดเรื่อง สว. ซึ่งตนมองว่า DSI ก็ทำตามหน้าที่ ในเมื่อมีผู้สมัคร สว.บางคน แจ้งว่ามีการฮั้วเลือก สว. ดังนั้นทั้ง DSI และกกต. ถ้าไม่ทำก็อาจจะต้องโดน มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นเรื่องนี้ ไม่ใช่การเมือง เขาทำตามหน้าที่ เมื่อมีคนทำผิดมีคนไปร้อง เท็จจริงก็ไปว่ากันในศาล ประชาชนก็ได้เห็นอยู่แล้ว และคงไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ จะเอามาอ้างไม่ได้ ตนเชื่อว่าวุฒิภาวะของคนเป็นนักการเมือง เป็นผู้บริหารระดับประเทศ ต้องมองให้ออก พิจารณาแยกแยะให้ถูกต้อง ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหา คดีก็ว่ากันไป คนที่มีปัญหาก็ไปชี้แจง กกต. ในส่วนสภาก็พิจารณางบประมาณไปคนละประเด็นกัน ต้องแยกให้ได้อย่าเหมารวม

นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าว พรรคการเมืองซีกรัฐบาลดูด สส. จากพรรคประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยไม่มี และโดยมารยาทไม่ขอวิจารณ์พรรคการเมืองอื่น

เมื่อถามว่าอาจจะถูกมองว่าเป็นการสะสม สส. ในมือเพื่อเป็นการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สื่อเป็นคนพูดเอง และได้ยินข่าวมาจากสื่อ แต่ในข้อเท็จจริงไม่ทราบในเรื่องนี้ ไม่ได้เจอและพูดคุยกับใคร

เมื่อถามว่าหากพรรคการเมืองใดมี สส. เพิ่มขึ้นจะทำให้เก้าอี้ในรัฐมนตรีเปลี่ยนไปหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะเป็นอำนาจในการพิจารณาปรับ ครม. ซึ่งไม่ใช่อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายใดจะอ้างอุดมการณ์ในการย้ายพรรคก็เป็นเรื่องของพรรคนั้น ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย