นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่าความคืบหน้าล่าสุด ในการเจรจาภาษีตอบโต้สหรัฐ ว่า ประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอถึงทางการสหรัฐ โดยทางกระทรวงพาณิชย์ ได้ยื่นถึงผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือยูเอสทีอาร์ เมื่อ 8 พ.ค. 68 โดยในเนื้อหาได้มีการหารือกันก่อน และพิจารณาร่วมของคณะกรรมการนโยบายการค้าของไทย ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากนายกรัฐนตรีแล้ว สำหรับข้อเสนอของไทยประกอบด้วย 5 เรื่องใหญ่ ได้แก่

  1. ข้อเสนอการให้ความร่วมมือนำไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมแปรรูป และเทคโนโลยีดิจิทัล เอไอ ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงพิจารณาลดอุปสรรคทางการค้า ทั้งลดภาษี และไม่ใช่ภาษี
  2. ยินดีเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ อาทิ สินค้าเกษตร พลังงาน เครื่องบิน และส่วนประกอบ ซึ่งก่อนนี้ ปลัดพลังงานนำคณะผู้ประกอบการไทย ได้แก่ ปตท. กฟผ. เอกชน เดินทางไปรัฐอะแลสกา เพื่อพูดคุยกับผู้ว่าการ และเอกชน เพื่อหารือถึงความร่วมมือ และแนวทาการลงทุนพลังงานเพิ่มเติม
  3. ไทยจะเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรแก่สหรัฐ อาทิ ผลไม้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
  4. เรื่องสินค้าผ่านทาง ไทยจะมีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวสวมสิทธิ แอบอ้างถิ่นกำเนินสินค้าอย่างเคร่งครัด ซึ่งเรื่องนี้ไทยดำเนินการไปแล้ว เป็นที่พอใจระดับหนึ่งต่อกรมศุลกากรสหรัฐ
  5. ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐมากขึ้น โดยขณะนี้ผู้แทนการค้าไทย เดินทางร่วมกับประธานหอการค้าไทย และภาคเอกชนชั้นนำไทย เพื่อเข้าร่วมงานมหกรรม ซีเล็ท ยูเอสเอ อินเวสท์เมนท์ ซัมมิท 2025 เพื่อไปดูลู่ทางที่จะลงทุนร่วมกันด้วย

นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากข้อเสนอทั้ง 5 ข้อแล้ว ทางนายสก็อตต์ เบสเซนด์ รมว.คลัง ของสหรัฐอเมริกา ได้แสดงท่าทีเชิงบวกต่อข้อเสนอของไทยดังกล่าว โดยได้พูดถึงประเทศไทยในงานการค้าที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อ 13 พ.ค. โดยบอกว่าไทยมีข้อเสนอที่ดี เช่นเดียวกับข้อเสนออินโดนีเซีย และไต้หวัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกระดับนโยบายจากสหรัฐ และคาดว่าจะมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับผู้ทำงาน ได้พิจารณาในรายละเอียดต่อไป โดยใช้เวลาอีกสักประมาณหนึ่ง 

“จากทั้งหมดจะเห็นได้ว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าที่สหรัฐพร้อมเจรจาหารือหาข้อยุติ ในเรื่องภาษีตอบโต้ และจะนำไปสู่ความร่วมมือเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ต่อไป ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลไทยทำ ทางรัฐบาลสหรัฐ ได้เห็นแล้ว และมีการนำไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ แต่ผมอยากบอกข้อเสนอเหล่านี้จะเป็นจังหวะนำไปสู่การปรับปรุงตัวเองให้เกิดวินวิน โซลูชัน ได้นำเข้าเพิ่ม และส่งออกมากขึ้น ซึ่งการนำเข้าก็ไม่กระทบผู้ส่งออกไทย เพราะปกติเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าอยู่แล้ว อีกทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิต แปรรูปไปได้ด้วย”  

เมื่อถามไทยจะเดินทางไปเจรจากับสหรัฐได้เมื่อไร นายพิชัยกล่าวว่า สหรัฐมีประเทศเจรจาเยอะ โดยสหรัฐพยายามคุยตกลงกับประเทศใหญ่ๆ มีเรื่องเยอะ ซึ่งสหรัฐจะใช้วางเป็นแนวทางกรอบเจรจา แต่ในส่วนของไทยประเด็นที่เป็นอยู่มีน้อยมาก เช่น การที่ไทยเสนอไปนำเข้าสินค้าเกษตร พลังงาน ก็เป็นเรื่องที่ตรงกัน ซึ่งสหรัฐจะคุยเมื่อไร ก็ต้องรอเวลา เพราะเจ้าหน้ายูเอสทีอาร์ มีเจ้าหน้าที่ 200 กว่าคน ก็ต้องรอเวลาที่นัดหมาย ที่สำคัญไทยก็อยากดูประเทศใหญ่ๆ เขาคุยอะไรก่อน คุยกับคนอื่นมีอะไรบ้าง ถามผมว่าช้าไปไหม คงไม่ช้า และจบไล่เลี่ยกัน

“สิ่งที่ไทยจะไปลงทุนจะเป็นซัพพลายเชน รถยนต์ ต่อมาเป็นที่เราชำนาญและต้องากรนำเข้า สิ่งที่ทำจะช่วยลดขาดดุลแน่นอน เราก็จะโชว์ 5 ปีขาดดุลจะเหลือเท่าไร มีตัวเยอะ ปิโตรเคมี พลังงาน และเครื่องบิน อีกทั้งยังได้ชี้แจงไปว่าตัวเลขเกินดุลของไทย ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนของสหรัฐ ในไทย และมีการส่งกลับไป”

นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับคาดการณ์ตัวเลขภาษีสหรัฐจะเก็บเพิ่มเท่าไร คาดการณ์ว่าสหรัฐอยากรายได้ภาษีเพิ่ม และน่าจะดูตัวเลข 10% อยู่ แต่จะมีบางรายการสินค้าที่เปลี่ยนไป แต่สินค้าไทยที่จะมีเกี่ยวข้องจริงๆ ก็เป็นยานยนต์ ซึ่งก็ต้องดูว่าภาษีจะแตกต่างมากน้อยแค่ไหน

“ไทยเป็นประเทศคู่ค้า ซึ่งเราไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรก ไทยก็อยากฟังว่าคุยกับประเทศใหญ่ๆ เค้าคุยอะไรก่อน เพราะมีสินค้าคล้ายๆ กับไทย ก็ทำให้เรารู้ว่าคุยกับคนอื่นมีอะไรบ้าง ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสม ถามผมว่าช้าไปไหม คงไม่ช้า เพราะคิดว่าคงจบไล่เลี่ยกัน”