สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจจู ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ว่าที่ประชุมรัฐมนตรีการค้า ของสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระหว่างการประชุมที่เมืองเจจู ทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า การใช้มาตรการกำแพงภาษีและมาตรการตอบโต้ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่งผลให้อุปสงค์อ่อนแอ และส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
เอเปคคาดการณ์สถานการณ์การนำเข้าสินค้าของสมาชิกเขตเศรษฐกิจทั้ง 21 แห่ง จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสมาชิกเอเปคทั้งหมด เติบโตรวมกันที่อัตราเพียง 2.6% ในปี 2568 ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งกำหนดไว้ที่ 3.3%
???? APEC growth is forecast to slow to 2.6% in 2025, as trade tensions and policy uncertainty take a toll. ????
— APEC Secretariat (@APEC) May 15, 2025
The message? Don’t retreat, recommit to open, transparent and cooperative trade. ????
Full story ???? https://t.co/85adIlCCm1 pic.twitter.com/bWolJ7e9yJ
ส่วนคาดการณ์การเติบโตในหมู่สมาชิกเอเปค สำหรับปี 2569 จะอยู่ที่ 2.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3.3% ซึ่งมีการคาดการณ์ไว้กับประเทศและดินแดนอื่นบนโลก
ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคมีคำเตือนเป็นพิเศษ ไปยังทุกประเทศในเอเชีย ควรเตรียมพร้อมอย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับภาวะการค้า “ซึ่งชะงักงัน” และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ซึ่งจะเกิดขึ้นกับทั้งภูมิภาคในปีนี้ อันเนื่องมาจากมาตรการภาษีที่จะทวีความรุนแรง
นายคาร์ลอส คูริยามะ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนด้านนโยบายของเอเปค กล่าวว่า แม้รัฐบาลของนานาประเทศเร่งดำเนินการเพื่อจำกัดผลกระทบด้านลบจากมาตรการกีดกันทางการค้า “ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” อย่างไรก็ตาม “ผลลัพธ์ของมาตรการยังคงเป็นไปอย่างจำกัด” เนื่องจากขนาดของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับต้นของโลก “จึงยังเป็นการยากที่จะแสวงหาหนทางเพื่อทดแทนโอกาสซึ่งกำลังจะเสียไปได้”.
เครดิตภาพ : AFP