เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่ห้องรับรองพิเศษ ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนาม กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเลือง เกื่อง (H.E. Mr. Luong Cuong) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ
โดย น.ส.แพทองธาร และนายเลือง เกื่อง เห็นพ้องกันถึงความจำเป็นในการเพิ่มพูนความไว้เนื้อเชื่อใจและการติดต่อระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะระหว่างกระทรวงกลาโหมและกองทัพของทั้งสองประเทศ พร้อมสนับสนุนแนวทางจัดตั้งกลไกคณะกรรมการความร่วมมือระดับสูงด้านการทหาร (High-Level Committee: HLC) เพื่อเป็นเวทีขับเคลื่อนความร่วมมือด้านความมั่นคงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า ไทยยินดีต้อนรับการลงทุนจากภาคเอกชนเวียดนามในไทย เพื่อขยายความร่วมมือและใช้ประโยชน์จาก value chain ร่วมกัน พร้อมเห็นพ้องกันที่จะรักษาแนวทางการหารืออย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือให้ทันต่อบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง พร้อมยืนยันเจตจำนงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
จากนั้นเวลา 15.40 น. ที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม น.ส.แพทองธาร เข้าเยี่ยมคารวะนายโต เลิม (H.E. Mr. To Lam) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ โดยนายกฯ กล่าวยินดีที่ได้ทราบว่าเลขาธิการพรรคฯ มีความคุ้นเคยกับประเทศไทยเป็นอย่างดี จึงได้ใช้โอกาสนี้ เชิญท่านเลขาฯ พรรคฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีหน้า (พ.ศ. 2569) ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เวียดนาม ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่าไทยและเวียดนาม เป็นประเทศสำคัญในภูมิภาคนี้ และความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างกัน จึงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของภูมิภาคด้วย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้านการเมืองความมั่นคง เห็นควรสนับสนุนการความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหา ขณะที่เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ยังยกย่องความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม เปรียบเสมือนเสาหลัก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสองประเทศและอาเซียนโดยรวมอีกด้วย จากนั้นนายกฯ และคณะ เดินทางกลับประเทศไทย ในช่วงเวลา 18.20 น.