กลายเป็นสงครามระหว่างสีแดงและน้ำเงินเต็มรูปแบบ หลัง “นายฉลาด ขามช่วง” สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร นำเรื่องฮั้ว สว.เข้าหารือในที่ประชุม กมธ. และเปิดโอกาสให้บรรดา สว.สำรองเข้ามาชี้แจงในที่ประชุม โดยหนึ่งในนั้นคือ “น.ส.กุสุมาลวตี ศิริโกมุท” สว.สำรอง และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย

ก่อนหน้านี้จะเข้าชี้แจง “น.ส.กุสุมาลวดี” ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เดินทางมาที่สภา ก่อนวันเลือก สว. เพื่อเจอ หัวหน้าพรรคการเมือง พรรคหนึ่ง ที่ทุกคนรู้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ ซึ่งรวมถึงอดีตรมช.คนหนึ่ง ได้พาไปสวัสดีกับหัวหน้าพรรค และให้แลกไลน์กับเลขานุการเอาไว้ รวมถึงโทรศัพท์ไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ ทำโพยทุกโพย พร้อมถามตนต่อว่าอยู่กลุ่มไหน แต่เมื่อตนบอกว่าอยู่กลุ่ม 14 ผู้หญิงคนนั้นกลับตอบว่าเต็มแล้ว แสดงว่า มีการจัดโผกันเสร็จแล้ว ยืนยันสิ่งที่พูดเป็นความจริงแล้ว วันนี้ในที่ประชุม ก็จะถามผู้หญิงคนดังกล่าวด้วยว่าจำได้หรือไม่ ถ้าเขาโกหก จะบอกว่า “คนที่โกหกย่อมกระทำความชั่วทุกอย่างได้” ทั้งนี้มีเสียงพูดคุยกับผู้หญิงคนดังกล่าว เนื่องจากโทรศัพท์ตนได้บันทึกเสียงไว้โดยอัตโนมัติ สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าบางพรรคเป็นคนกำหนดเกมตั้งแต่แรก อีกทั้งยัง ตรงกับที่ สว. 140 คนที่มี

ทำให้ “นางสุขสมรวย วันทนียกุล” สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทำเอกสารแจ้งว่า จากกรณี น.ส.กุสุมาลวตี พูดทั้งในที่ประชุม กมธ. และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนั้น ไม่จริงทั้งหมด หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) รวมถึง พรรคไม่ได้เกี่ยวข้อง อะไรกับการเลือก สว.และหัวหน้าพรรคเคยออกประกาศพรรค ภท. เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 67 เรื่องห้ามกระทำการโดยวิธีการใดๆ ในการเลือก สว. ซึ่ง คน ภท.ได้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

“มีความไม่สบายใจและสังเกต เห็นถึงความผิดปกติ ว่าเหตุใดในที่ประชุม กมธ. ที่นำโดยท่านฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรค พท. มีการ นำบุคคลภายนอก ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้ามากล่าวพาดพิงบุคคลที่ 3 ให้ได้รับความเสียหาย โดยมีการระบุชื่ออย่างชัดเจน เนื่องจากตามระเบียบวาระจริงๆ มีประเด็นหนังสือร้องเรียน 2 ประเด็น คือ 1.การร้อง กกต. เลขาฯ กกต. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 2.ขอให้ กมธ. เร่งรัดตรวจสอบ กกต. เลขาฯ กกต. ให้ดำเนินการ เป็นไปตามระเบียบ สืบสวนสอบสวนโดยเร่งด่วน ดิฉันได้เปิดไมค์ชี้แจงในสิ่งที่คุณกุสุมาลวตี บิดเบือนในที่ประชุมอย่างทันที และ ได้ขอบันทึกรายงาน การประชุมต่อท่านประธาน กมธ. เพื่อจะแจ้งความเอาผิดทั้ง คุณกุสุมาลวตี และคุณจันทร์เพ็ญ ประเสริฐศรี ตามกฎหมาย เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวดิฉัน หัวหน้าและพรรค ภท.ต่อไป” นางสุขสมรวย ระบุ

นั่นหมายความว่า สส. พรรค ภท.ตั้งข้อสังเกตไปถึง ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ที่มาจากพรรค พท. ทำไมถึงเปิดให้ นำบุคคลภายนอกเข้ามาชี้แจงใน กมธ. อีกทั้ง ภายหลัง “นายฉลาด” แถลงข่าวภายหลังการประชุม กมธ.เสร็จสิ้น นายฉลาด ได้หันไปจับมือกับกลุ่ม สว.สำรอง พร้อมกับบอกว่า สว.สำรอง จะได้นอนหลับแล้ว พร้อมกับหัวเราะ เหมือนกับมี ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือการรับเรื่องเข้าตรวจสอบครั้งนี้ ต้องการขยายผลประเด็นฮั้ว สว.เพราะรู้ว่าสมาชิกสภาสูงมีความ ใกล้ชิดกับพรรค ภท.

นอกจากนี้ “นายภัทรพงศ์ ศุภักษร” หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ให้เข้าชื่อส่งหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อส่งต่อไปยังศาล รธน.ให้ ตีความพฤติการณ์ของ สว. ที่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องห้ามตามมาตรา 113 และทำให้ สมาชิกภาพของ สว.สิ้นสุดลง หรือไม่ หวังว่าศาล รธน.จะสั่งให้ สว.กลุ่มนี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน แต่มีสายลับแจ้งว่าได้รับการสนับสนุน เกิน 20 คน แน่นอน

ด้าน “น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.” กล่าวว่า เรียกร้องมาตั้งแต่ต้น ให้ สว.หยุดเห็นชอบในการแต่งตั้ง บุคคลในองค์กรอิสระใดๆทั้งสิ้น แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครยอมทำเพราะห่วงอำนาจ เพราะคิดว่าเป็นอำนาจสำคัญที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ใน ฐานะต่างตอบแทน จนวันนี้ประชาชนคงเห็นแล้วว่า หากปล่อยให้ สว.ทั้งคณะนี้ทำหน้าที่ต่อไป ประเทศชาติป่นปี้พินาศแน่ ดังนั้น จะนำเรื่องนี้ไปขอให้สว. ที่เป็นเสียงข้างน้อย และมีความเป็นอิสระ ให้มาลงชื่อตาม รธน.มาตรา 82  คือจำนวน 20 คน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรักษาภาพลักษณ์เกียรติภูมิของวุฒิสภา นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าจะส่งเรื่องนี้ ไปถึง นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็น 1 ใน 55 คน ที่ถูกกล่าวหา เพื่อขอให้นำเรื่องส่งไปยังตุลาการศาล รธน. ซึ่งเราจะได้เห็นกันว่าท่านจะทำหรือไม่

ด้าน “นายมงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการเปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญ  ซึ่งทางวุฒิสภา จะมีการนัดประชุม ในวันที่  29–30 พ.ค. 68 ซึ่งมี สว. บางส่วน ออกมาเรียกร้อง อยากให้ถอนวาระการพิจารณา ผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ออกไปก่อน เพราะ สว.ส่วนหนึ่ง ถูกกล่าวหาเรื่องฮั้วเลือก สว.อยู่ว่า ไม่มีความเห็น เราเป็นประธานไปออกความเห็นเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่ไม่ได้ ส่วนจะเลื่อนระเบียบวาระ เป็นเรื่องความเห็นของสมาชิก แต่ละคน  ส่วนการบรรจุระเบียบวาระก็ทำไปตามระเบียบ ส่วนการจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ก็เป็นมติของที่ประชุม

ต้องรอดูว่าที่ประชุมวุฒิสภา จะเดินหน้าเลือกบุคคลเข้าไปทำงานในองค์กรอิสระ หรือชะลอไว้ก่อน จนกว่าการพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. จะเสร็จสิ้น

ส่วนความคืบหน้า กรณีการตรวจสอบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ รักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดย “นายสมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ลงนามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 807/2568 วันที่ 15 พ.ค. 68 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ เพื่อพิจารณา ตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ระบุว่า สืบเนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพิจารณา วินิจฉัยขี้ขาดลงโทษผู้ประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมของ คณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ จึงเห็นควรที่จะแต่งตั้งคณะบุคคลจำนวนหนึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณา สั่งการ ตามอำนาจหน้าที่ ของสภานายกพิเศษต่อไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รมว.สาธารณสุข จึงมีคำสั่งไว้แต่งตั้งคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 โดยมีองค์ประกอบดังนี้ นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ เป็น ประธาน  มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ 1.เสนอความเห็นต่อ รมว.สาธารณสุขในฐานะสภานายกพิเศษพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 และ 2.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย 3.ปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา แพทยสภาได้ส่งมติ ถึงมือ รมว.สาธารณสุข และเริ่มนับ 15 วันในวันที่ 16 พ.ค. และเมื่อวันที่ 15 พ.ค.เช่นเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า แพทย์จาก รพ.ราชทัณฑ์ ได้เดินทางเข้ามายื่นหนังสือ ร้องขอความเป็นธรรม ต่อนายสมศักดิ์ กรณีถูกแพทยสภาสั่งลงโทษด้วยการตักเตือน โดยมี นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรมว.สาธารณสุข เป็นผู้รับมอบหนังสือ

ด้าน “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี (ทภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา จะต้อง พิจารณามติแพทยสภา ที่ให้ลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณว่า อยากให้นายสมศักดิ์ ไปอ่านข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2563 ข้อที่ 42-46 แล้วนายสมศักดิ์จะได้รู้ว่าการที่มีแพทย์ 2 คน ไปร้องขอความเป็นธรรม และปล่อยให้ผู้ช่วยรมว.ประจำกระทรวงสาธารณสุขไปรับหนังสือ เพื่อนำมาพิจารณาเรื่องความเป็นธรรมนั้น จะทำให้นายสมศักดิ์มีโอกาสติดคุก

เนื่องจากการที่แพทยสภามีมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 เพื่อลงโทษจริยธรรมแพทย์ ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ เพื่อให้นายสมศักดิ์ ลงนามเห็นชอบ หรือ ยับยั้งมติ คำสั่งแพทยสภา จึงยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ต้องถาม คือ เขาเอาหลักฐานอะไรมาร้องขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ เท่ากับนายสมศักดิ์กำลังร่วมกันแทรกแซงการดำเนินงานของแพทยสภา จะถูกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แน่นอน ตัดสินใจตามข้อมูลที่ส่งมาจากนายกแพทยสภา คุณรอด แต่ถ้าอยากติดคุก เชิญตามสบาย

ถือเป็นการตัดสินของนายสมศักดิ์ เรื่อง ผลสอบแพทยสภา ซึ่งจะมีผลทางการเมืองและประเด็นในข้อกฎหมาย เชื่อว่าถ้าหากมีการตรวจสอบว่า ทำผิดขั้นตอน และ หลักการ ต้องมีคนไปร้องให้ตรวจสอบแน่ๆ

ส่วนความเคลื่อนไหว พรรคกล้าธรรม (กธ.) นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค กธ. ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่หนึ่ง ให้ตรวจสอบจริยธรรม นายยอดชาติ พึ่งพร สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) กรณีที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า มีพรรคการเมืองยื่นข้อเสนอ เป็นเงินสด 55 ล้านบาท พร้อมเงินเดือน 250,000 บาท และรถตู้หรู 1 คัน เพื่อให้ย้ายพรรค  พร้อมทั้งกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือว่า ขัดต่อข้อบังคับว่าด้วย ประมวลจริยธรรมของ สส. ข้อที่ 11 เป็นการนำเอาเรื่องที่เป็นเท็จ มาอภิปรายแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่นายยอดชาย กล่าวอ้าง จะต้องแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ผู้ที่มาเสนอสินบน กับนายยอดชาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 การที่ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี จึงเป็นการเข้าข่ายการกระทำที่ ส่อไปในทางที่จะกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และถือเป็นการไม่รักษาไว้ และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส. 

“หลังจากคณะกรรมการจริยธรรมฯ มีความเห็นออกมาแล้ว จะไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ในสัปดาห์หน้า และจะไปยื่นต่อ กกต.เพื่อเอาผิดต่อไป มั่นใจว่าจะถึงขั้นถอดถอนได้  และขอฝากไปยัง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน. ให้ตรวจสอบและดำเนินการเรื่องนี้อย่างชัดเจน โดยขอท้าให้เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดออกมา ไม่ใช่มาพูดลอย ๆ” นายไผ่ กล่าวและว่า สำหรับพรรค กธ.ไม่เคยซื้อตัวใคร อย่างกรณี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรค ปชน. มีความสนิทสนมกับ สส.ของพรรค และเห็นถึงการทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  รมว. เกษตรฯ หัวหน้าพรรค กธ. แต่เขาก็ต้องเสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายก่อน

ต้องรอดู นายยอดชาติ จะกล้า เปิดเผยข้อมูลหรือไม่ ว่ามีใครมาติดต่อทาบทามให้ย้ายพรรค และมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าไม่มีหลักฐาน ย่อม ส่งผลกระทบกับความน่าเชื่อถือ

“ทีมข่าวการเมือง”