เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ อาของนายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ “ดีเจเตเต้” อายุ 33 ปี ซึ่งถูกอุ้มหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 และพบศพถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในพื้นที่บ้านทุ่งนานางหรอก จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพหลานชาย เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดในจังหวัดกาญจนบุรี
อาของดีเจเตเต้ กล่าวด้วยความกังวล ถึงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว เนื่องจากตามข่าวที่ปรากฏ กลุ่มผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่ และคนในครอบครัวยังต้องทำมาหากินในจังหวัดกาญจนบุรี แม้ว่าตนเองจะไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ แต่ก็ติดตามข่าวสารและทราบว่าผู้ก่อเหตุน่าจะยังสามารถเคลื่อนไหวในพื้นที่และอาจหลบหนีออกนอกประเทศได้ อีกทั้งยังมีเครือข่ายกว้างขวาง เนื่องจากถูกระบุว่าเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติด ซึ่งในเรื่องความปลอดภัยนี้ ได้แจ้งความกังวลกับตำรวจในพื้นที่ที่ทำคดีแล้ว พร้อมย้ำว่า “ทางครอบครัวไม่ได้ขออะไรเลย แต่ขออย่ามาทำร้ายครอบครัว เพราะมีความกังวลใจในเรื่องนี้มาก”
ด่วน! ไร้ปาฏิหาริย์ พบแล้วศพ ‘ดีเจเตเต้’ ถูกมัดมือไพล่หลังหมกกลางป่า…
อาของดีเจเตเต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดว่า ตนเองเลี้ยงดูหลานชายมาตั้งแต่เด็ก มีความผูกพันกันมากเปรียบเสมือนลูกแท้ๆ และเตเต้เองก็เรียกตนว่าพ่อคนที่สองมาโดยตลอด ตั้งแต่เด็กจนโตหลานชายไม่มีนิสัยก้าวร้าวหรือมีเรื่องให้ต้องเป็นห่วง เป็นคนหัวอ่อน อาจมีดื้อเงียบบ้าง แต่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกับใคร ยอมรับว่าเสียใจมากที่หลานชายที่เลี้ยงดูมาต้องมาจากไปก่อนวัยอันควร พร้อมยืนยันว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา รู้จักหญิงคนสนิทของหลานชายเพียงคนที่ปรากฏในข่าวเท่านั้น ส่วนอีก 2 คนไม่เคยรู้จักมาก่อน
อาดีเจเตเต้ เล่าด้วยความสะเทือนใจว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา หลานชายโทรศัพท์มาบอกรักเหมือนพ่อ ซึ่งเมื่อพูดถึงตรงนี้ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แม้ว่าตนเองจะมีครอบครัวแล้ว แต่เตเต้ก็เป็นหลานที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก หากมีเรื่องที่ไม่สามารถบอกพ่อได้ เตเต้มักจะมาปรึกษาตนเองเสมอ ยกเว้นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ค่อยเล่า เพราะรู้ว่าตนเองงานยุ่ง ไม่อยากนำเรื่องเล็กน้อยมาให้คิดมาก ช่วงวันที่ 7 และ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลานชายยังมานอนที่บ้านตนเอง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติและหลานก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง มีเพียงซื้อของที่ตลาดมาฝาก ซึ่งเป็นนิสัยปกติ ทำให้หลานชายเป็นที่รักของคนในครอบครัว
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองอยากให้ตำรวจสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด และขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะมองว่าหากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตามที่ปรากฏในข่าวก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำโหดเหี้ยมกับหลานของตัวเองขนาดนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มองว่าเป็นเหตุอุกอาจมาก” อาดีเจเตเต้ กล่าวด้วยความคับแค้นใจ
สำหรับร่างของนายวราพงษ์ หรือดีเจเตเต้ จะถูกนำกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ณ วัดหนองกระทุ่ม ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากดีเจเตเต้มีความผูกพันกับย่าเป็นอย่างมากตั้งแต่เด็ก จึงต้องการให้ช่วงสุดท้ายของชีวิตหลานชายได้อยู่ใกล้ชิดกับย่า