เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และอดีต สส.พิษณุโลก โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 10,028 ล้านบาท กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ขอให้ความรู้กับทนายความและรัฐมนตรีของรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ออกมาพูดว่าจะเอาเงินที่ระบายข้าว 18 ล้านตัน มาชดใช้แทนที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าสินไหม (ค่าเสียหาย) 10,028 ล้านบาท โดยคนที่มีสติปัญญาปกติก็น่าจะรู้ว่าศาลฯ เห็นว่า การระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นการร่วมกันทุจริต ขายข้าวสารราคาถูก ขณะที่ข้าวสารตลาดราคาสูง เพื่อเลี่ยงการประมูลนั้น มีสัญญาทั้งสิ้น 4 ฉบับ นำไปสู่ค่าเสียหาย 20,057 ล้านบาท แต่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 10,028 ล้านบาท ศาลฯ ให้ชดใช้เรื่องที่มีการทุจริต
นพ.วรงค์ ระบุอีกว่า ส่วนข้าวสารที่เหลือที่มีความเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องรับผิดชอบ และข้าวที่เหลือเมื่อขายได้ ต้องนำเงินไปจ่ายเงินกู้ ที่กู้มาลงทุนทำโครงการรับจำนำข้าว (ราคาข้าวเปลือกในตลาด 10,000 บาทต่อตัน แต่รับจำนำ 15,000 บาทต่อตัน) ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพ สำหรับข้าวสารที่เหลือนั้น หลังจากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มารับต่อ ได้แต่งตั้งกรรมการตรวจนับสต๊อกและคุณภาพข้าวในโกดังรัฐบาล โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เป็นประธานในการตรวจนับ ซึ่งได้ตรวจนับยอดคงเหลือข้าวในสต๊อก 17.5 ล้านตัน และรายงานว่ามีข้าวที่ผ่านเกณฑ์หรือคุณภาพยังดีอยู่เพียง 2.9 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่คุณภาพต่ำและไม่ตรงชนิด
นพ.วรงค์ ระบุว่า นอกจากนี้มีสต๊อกข้าวที่ไม่สามารถตรวจนับได้หรือที่เรียกว่าข้าวกองล้ม อาทิ กระสอบแตกเสียหายมีประมาณ 425,000 ตัน ซึ่งในทางบัญชีถือเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี ส่วนข้าวที่คุณภาพแย่หรือข้าวเน่านั้น ประเมินว่ามีอยู่ประมาณ 800,000 ตัน อีกทั้ง คณะอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว รอบปีบัญชี 2557 ได้ปิดบัญชีและประเมินว่า โครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีผลขาดทุนทางบัญชี 536,000 ล้านบาท โครงการรับจำนำข้าวใช้เงินซื้อข้าวเปลือก 878,000 ล้านบาท
“สิ่งที่ทนายความและรัฐมนตรีพูดว่าจะเอาข้าวที่เหลือไปขาย และมาใช้หนี้แทนยิ่งลักษณ์ พวกคุณต้องรู้ว่า โครงการรับจำนำข้าว ใช้เงินซื้อข้าวเปลือก 878,000 ล้านบาท เงินพวกนี้เป็นเงินกู้ และต้องใช้ภาษีประชาชนมาจ่าย ข้าวสารที่ขายได้ ต้องนำมาชดใช้เงินที่ลงทุนไปซื้อข้าวเปลือกนี้ ส่วนที่โกงจีทูจี ก็ต้องร่วมกันชดใช้กันเอง ผมไม่ทราบว่าทนายและรัฐมนตรีที่ออกมาพูด เพราะไม่รู้หรือตั้งใจมั่ว ส่วนที่นายอนุสรณ์ (เอี่ยมสะอาด) ตำหนิผมนั้น ผมคิดว่าคนนี้สุดมั่ว ไม่มีข้อมูล ชอบดำน้ำพูด ถ้าคิดว่าจำนำข้าวได้ประโยชน์ต่อประเทศจริง ให้รัฐบาลอิ๊งค์เริ่มทำได้เลย ไม่ใช่ปล่อยให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำขนาดนี้” นพ.วรงค์ ระบุ