เมื่อวันที่ 25 พ.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ให้คนไปส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. รีบทำการตรวจสอบว่านายกรัฐมนตรีรับประโยชน์เกิน 3,000 บาท ตามมาตรา 128 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 หรือไม่ และมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 10 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงตามข่าวที่ปรากฏ และเกินเวลา 3 เดือนแล้ว จึงมีเหตุอันควรร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบตามแนวทางที่เคยตอบมาแล้ว โดยมีความในคำร้องครั้งนี้ ดังนี้ 1. เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 พาดหัวข่าวหัวข้อ ดินเนอร์พรรคร่วมฯ ‘อนุทิน’ เก็บ นายกฯ-แกนนำ หัว 7 พัน อเมริกันแชร์ ลงข่าวไว้ รายละเอียดตามที่แนบ 2. จากข่าวข้างต้น มีข้อเท็จจริงส่วนหนึ่ง คือ “ขณะที่นายกฯ ระบุว่า เห็นด้วยกับการแชร์ค่าใช้จ่ายในงานวันนี้ เพราะโรงแรมนี้ค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้น พวกเราต้องอเมริกันแชร์ ก่อนจะบอกว่าตนไม่มีเงินเลยสักบาทเปิดกระเป๋ามาก็ไม่มีเลยขอให้นายสรวงศ์ เป็นคนจ่ายให้ก่อน แล้วจะโอนคืนให้ทีหลัง”
นายเรืองไกร กล่าวว่า 3. กรณีดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการจ่ายเงินคืนให้นายสรวงศ์ เทียนทอง หรือไม่ หากยังไม่จ่ายคืน และเหตุเกิดเกินเวลา 30 วันแล้ว จะเข้าข่ายเป็นกรณี นายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ รับประโยชน์เกิน 3,000 บาท ตามมาตรา 128 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 หรือไม่ และมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 10 หรือไม่ 4. เนื่องจากตามหนังสือที่ ปช 0019/0190 ลงวันที่ 24 ม.ค. 2566 ซึ่งตอบคำร้องวันที่ 7 ธ.ค. 2564 ดังควรทราบแล้วนั้น ได้มีการแจ้งไว้ส่วนหนึ่งว่า
“สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า การให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ณ โรงแรมเอสซี ปาร์ค ในวันที่ 7 ธ.ค. 2564 ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีการแจ้งให้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด จำนวน 97 คน โดยเป็นผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 32 คน เสิร์ฟอาหารแบบ individual ราคาคนละ 700 บาท รวมเครื่องดื่ม รวม 22,400 บาท และสำหรับนักข่าวจำนวน 65 คน จัดโต๊ะละ 6 คน จำนวน 11 โต๊ะ ราคาคนละ 500 บาท รวมเครื่องดื่ม รวม 32,500 บาท เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด 54,900 บาท พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชำระค่าบริการ ในวันที่ 24 ธ.ค. 2564”
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า “จากหลักฐานปรากฏราคาอาหารอันเป็นประโยชน์ที่ได้รับแต่ละบุคคลแยกจากกันได้ในราคา 700 บาท ต่อ คน เป็นกรณีเจ้าพนักงานของรัฐจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาได้ กรณีทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใดซึ่งมิใช่ญาติที่มีราคา หรือมูลค่าในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาสไม่เกินสามพันบาท ตาม ข้อ 6 (1) ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ. 2563 จึงเป็นการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ไม่เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 128 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 และไม่เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561”
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า 5. เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 เป็นกรณีที่มีราคาค่าอาหารหัวละ 7,000 บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรียังไม่ได้จ่าย แต่ขอให้นายสรวงศ์ เป็นคนจ่ายให้ก่อน แล้วจะโอนคืนให้ทีหลัง แต่ระยะเวลาล่วงเลยเกิน 30 วันแล้ว จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบว่า นายกรัฐมนตรี มีการจ่ายเงิน 7,000 บาท แล้วหรือไม่ จ่ายโดยวิธีใด เมื่อใดมีพยานหลักฐานใดมายืนยันหรือไม่ นายสรวงศ์ ได้รับเงินคืนภายในสามสิบวันหรือไม่ รับเป็นเงินประเภทใด เช่น เงินสด โอนผ่านบัตร เป็นต้น และมีพยานหลักฐานมาแสดงยืนยัน หรือไม่ หากไม่มีพยานหลักฐานมายืนยัน การไม่จ่ายเงินดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจะเข้าข่ายรับประโยชน์เกิน 3,000 บาท ตามมาตรา 128 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 หรือไม่ และมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 10 หรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวต่ออีกว่า 6. ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบพยานหลักฐานทางบัญชีของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ว่า ได้ออกใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีในนาม น.ส.แพทองธาร ไว้ด้วยหรือไม่ และของนายสรวงศ์ ได้รับใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีไว้เป็นจำนวนเงินเท่าใด 7. ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดของงานเลี้ยงดังกล่าว ตามแนวทางการตรวจสอบในหนังสือที่ ปช 0019/0190 ลงวันที่ 24 ม.ค. 2566 และแจ้งผลให้ทราบด้วย.