เมื่อวันที่ 26 พ.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า หลังจากพยายามที่สืบสวนหาข้อมูลรวมถึงเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการยักยอกเงิน ของวัดไร่ขิง มีความคืบหน้าและชัดเจนหลายเรื่อง แต่ยังมีบางประเด็นที่ยังสงสัยอยู่ โดยเฉพาะ นายเอกพจน์ หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ คนสนิทของ นายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เกี่ยวกับการดูแลจัดการเงิน และเส้นทางการเงินที่พบว่าโอนไปยัง น.ส.อรัญญาวรรณ รวมถึงบัญชีนายฉัตรชัย ที่ถูกอดีตเจ้าอาวาสนำไปใช้โอนเงินให้กับ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วย ทางพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมภายในเรือนจำภายในสัปดาห์นี้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อมูลการถือครองทรัพย์สิน ของ น.ส.อรัญญาวรรณ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท จากข้อมูลการสอบสวนพบว่า น.ส.อรัญญาวรรณ เอาเงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงไปเล่นการพนัน บางส่วนเอาไปซื้อทรัพย์สินครอบครอง ทั้งที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ ซึ่งมียอดเงินหมุนเวียนในบัญชี น.ส.อรัญญาวรรณ 4 บัญชี ตั้งแต่ ปี 2563 กว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่กังวลหาก น.ส.อรัญญาวรรณ ขายต่อ หรือโยกย้ายชื่อผู้ครอบครอง ทางการสอบสวนสามารถติดตามข้อมูลได้จากเส้นทางการทำธุรกรรม

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเอาผิดหญิงคนสนิทอดีตเจ้าอาวาส และสามี พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไวยาวัจกรวัดไร่ขิง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องแล้ว ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน คาดว่าเพียงพอต่อการดำเนินคดี ซึ่งจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการถือครองทรัพย์ของหญิงคนสนิทอดีตเจ้าอาวาส และสามี พบว่า มีถือครองทรัพย์สิน ที่ดิน และรถยนต์หลายรายการ เช่นร้านกาแฟในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย สวนเกษตร ที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ที่ดิน ในพื้นที่จังหวัดข่อนแก่น เชียงใหม่ มีมูลค่ามากกว่า 40 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ว่า ทรัพย์สินต่างๆเหล่านี้มีมี่มาที่ไปอย่างไร และ เกี่ยวข้องกับเงินของวัดที่ถูกยักยอกมาหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเกี่ยวข้องก็อาจเข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงิน ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามทรัพย์เพื่ออายัดทรัพย์สินหากมีการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนประเด็นที่พบข้อมูลนายแย้มไปยืมเงินจากเจ้าอาวาส วัดในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ได้สั่งให้ชุดพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามขยายผล และตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม