เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ศูนย์บริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ นายแพทย์ นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.รพ.เพชรบูรณ์ มอบเกียรติบัตรจากสภากาชาดไทย และศูนย์บริจาคดวงตา พร้อมพวงหรีดให้แก่ นายสิทธิศักดิ์ เดชธิสา อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/8 หมู่ที่ 5 ต.บ้านนา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ถูกกระแสไฟฟ้าซ็อตในขณะที่ปฏิบัติงาน และได้บริจาคอวัยวะให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกถึง 6 คน โดยมีญาติเป็นตัวแทนรับมอบ

นายแพทย์ นิติ กล่าวว่า ผู้ป่วยถูกไฟฟ้าช็อตขณะทำงานอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีเทพ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศรีเทพ และถูกส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ทำการดูแลรักษาอย่างสุดความสามารถ ต่อมาแพทย์ได้ลงความเห็นว่า มีภาวะสมองตาย ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าได้เสียชีวิตแล้ว พยาบาลศูนย์บริจาคอวัยวะได้แจ้งถึงโครงการบริจาคอวัยวะ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งญาติก็ได้ตัดสินใจบริจาคอวัยวะของผู้เสียชีวิตทุกส่วน แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดในหลาย ๆ จึงทำให้ได้อวัยวะบางส่วน ประกอบด้วย ลิ้นหัวใจ ตับ ดวงตา 2 ข้าง ไต 2 ข้าง ซึ่งสามารถไปช่วยต่อชีวิตให้บุคคลอื่นได้อีกถึง 6 คน จึงนับว่าเป็นบุญกุศลเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าผลบุญที่บริจาคอวัยวะ และนำไปช่วยชีวิตคนอื่นได้อีกถึง 6 คนนี้ จะส่งผลให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี

นางกิรติกา เดชธิสา อายุ 40 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนและลูกชายเป็นชาว จ.ระนอง โดยลูกชายมีอาชีพเป็นช่างเชื่อม ติดตามผู้รับเหมาไปทำงานตามที่ต่างๆ  โดยเมื่อเดือนก่อนได้มาก่อสร้างอาคารของโรงงานแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีเทพ  และทุกๆ วัน ลูกชายจะวีดีโอคอลคุยกันทุกวัน ในวันเกิดเหตุหลังพักเที่ยง ลูกชายได้วีดีโอคอลมาคุยกับตนเช่นเคย และได้พูดคุยกันตามปกติ แต่ตนสังเกตเห็นว่าลูกชายมีสีหน้าที่เหนื่อยอ่อน จึงบอกให้ทำงานด้วยความระมัดระวัง แต่ยังพูดไม่ทันจบสายก็ตัดไป

 หลังจากนั้นอีกประมาณ 20 นาที ลุงที่ทำงานด้วยกันก็โทรมาบอกว่า ลูกชายถูกไฟฟ้าช็อตอาการหนัก ขณะนี้ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลศรีเทพ และถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพชรบูรณ์แล้ว ตนและครอบครัวจึงรีบเดินทางมาดูแลที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 แพทย์ได้แจ้งว่า ลูกชายมีภาวะสมองตาย ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว และพยาบาลได้แจ้งถึงโครงการบริจาคอวัยวะ เพื่อนำไปช่วยชีวิตบุคคลอื่น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะร่างกายและอวัยวะลูกก็จะถูกเผาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ถ้านำไปช่วยเหลือชีวิตคนอื่นได้ ก็ถือว่าเป็นการทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งสุดท้ายให้แก่ลูกชาย ตนจึงยินดีที่จะมอบอวัยวะของลูกชายไปช่วยคนอื่น เพราะเชื่อว่าบุญกุศลในครั้งนี้จะส่งผลให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี และหากดวงวิญญาณของลูกรับรู้ได้ อยากบอกว่าแม่กับพ่อรักลูกมาก บุญกุศลที่ลูกได้บริจาคอวัยวะในครั้งนี้ ขอให้ลูกไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ ที่ผ่านมาลูกชายไม่เคยเกเร ไม่เคยที่จะทำให้พ่อแม่เสียใจเลย และหากชาติหน้ามีจริง ขอให้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก