เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ครอบครัว น.ส.กรพินธุ์ และน.ส.กมลรัตน์ สองสาวไทยที่ไปทำงานนวดสปาที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย อย่างถูกกฎหมาย ร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ว่าทั้งคู่ถูกเจ้าของร้านปิดกิจการกะทันหันเมื่อ 10 มี.ค. 68 ค้างค่าแรงคนละประมาณ 34,000 บาท และไม่ยอมทำวีซ่าออกนอกประเทศให้ ทำให้ต้องติดค้างที่ซาอุฯ นานกว่า 2 เดือนแล้ว ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ ต้องเสียค่าเช่าบ้านและค่ากินอยู่สูงมาก แม้จะติดต่อกรมแรงงานไทย ณ กรุงริยาด และบริษัทจัดหางานแล้ว เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า
น.ส.จรรยา และ น.ส.กมลรัตน์ เล่าว่า เดินทางไปทำงานเมื่อ 7 พ.ค. 66 สัญญา 2 ปี ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ค่าจ้างเดือนละประมาณ 29,000 บาท นายจ้างจ่ายค่าที่พัก อาหาร และประกันสุขภาพให้ แต่นายจ้างกลับไม่ทำตามสัญญา ค้างค่าเช่าบ้านจนต้องย้ายที่อยู่หลายครั้ง เงินเดือนออกช้า และไม่ทำประกันสุขภาพให้ กระทั่งมาถูกปิดร้านแบบไม่ทันตั้งตัว “อยากขอเตือนคนไทยที่คิดจะเดินทางมาทำงานที่ซาอุดีอาระเบียต้องคิดให้ดีก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะเจอนายจ้างดีหรือไม่ ตนมาทำงานที่นี่ก็มีคนไทยหลายคนโดนนายจ้างเทไม่รับผิดชอบ”

นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องนี้หลังได้รับแจ้งเรื่องจากญาติเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 68 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พา 2 ครอบครัว เข้ายื่นเรื่องที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 26 พ.ค. 68 และได้ประสาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายวิชิต อินทรเจริญ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ให้การช่วยเหลือสองหญิงไทยผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน โดยล่าสุดวันนี้ได้รับแจ้งจากกระทรวงแรงงานว่า ได้ดำเนินการทำวีซ่าออกนอกประเทศให้กับสองหญิงไทยแล้ว และจะได้เดินทางกลับบ้านในเร็ววันนี้