เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 28 พ.ค.68 ที่สำนักงานกฎหมาย ทนายกบ บุญเกิด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ประกอบธุรกิจส่วนตัว ได้เดินทางเข้าพบทนายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือ “ทนายกบ” ร้องเรียนกรณีถูกทนายความชื่อดังในภาคใต้ทิ้งคดี ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งที่ว่าจ้างให้ดำเนินคดีให้ รวมถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการดำเนินงานทางกฎหมาย และเรียกร้องให้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสภาทนายความ เพื่อดำเนินการเอาผิดและลงโทษทางมรรยาททนาย

นายเอก เปิดเผยว่า เมื่อเดือนกันยายน 2567 ได้ติดต่อว่าจ้างทนายความรายหนึ่งในภาคใต้ หลังเห็นการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ มีประวัติน่าเชื่อถือ โดยตกลงจ้างว่าความ 2 คดี คือ คดีอาญาเรื่องฉ้อโกง และคดีแพ่งเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สินระหว่างตนกับภรรยา รวมเป็นเงิน 200,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการดำเนินคดี ทนายดังกล่าวได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามหลักวิชาชีพหลายประการ อาทิ 1.ไม่ยื่นคำขอส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกให้จำเลย 2.เลื่อนนัดศาลโดยไม่แจ้งลูกความ 3.ไม่นำส่งหมายเรียก/สำนำคำฟ้องให้จำเลยที่ 2 ตามคำสั่งศาล จนคดีถูกทิ้ง 4.คดีอาญาขาดอายุความเนื่องจากละเลยการดำเนินการส่งสำเนาคำฟ้อง/หมายเรียกให้จำเลย 5.ในคดีอาญาในคำขอท้ายคำฟ้องให้ลงโทษตามกฎหมายนั้น ไม่เขียนคำขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมายกำหนด 6.ในคดีอาญาลงวันที่กระทำความผิดแตกต่างจากวันกระทำความผิดที่เกิดขึ้นขัดต่อเอกสารราชการ 7.เขียนคำฟ้องสรรพนามเรียกชื่อโจทก์ผิด โจทก์เรียกเป็นจำเลย จำเลยเรียกเป็นโจทก์ 8.ในคดีแพ่ง พิมพ์ชื่อจำเลยผิด ทำให้ฟ้องผิดตัว 9.ทิ้งคดีจนลูกความต้องหาทนายใหม่เพื่อถอนฟ้องและยื่นใหม่ และ10.ส่งหมายผิดแม้จะมีสำเนาบัตรประชาชนจำเลย

นายเอก เผยอีกว่า เสียเงินค่าทนายไปแล้ว 50,000 บาท ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าเดินทางอีกนับไม่ถ้วน แต่ไม่ได้อะไรกลับคืนเลย ตนเคยขอเงินคืนจากทนายคนนี้แต่เขากลับปฏิเสธ พร้อมขู่จะฟ้องกลับเพราะจ่ายไปเพียง 50,000 บาทจากยอดที่ตกลงไว้ และจะเรียกเก็บส่วนที่เหลือ ทั้งที่งานไม่มีความคืบหน้า และทำให้เกิดความผิดพลาดไม่แก้ไข จึงตัดสินใจยุติการจ้างและว่าจ้างทนายใหม่ ซึ่งต้องจ่ายอีกกว่า 100,000 บาท

ขณะเดียวกัน นางสุนันทา หรือ “พี่อมยิ้ม” อายุ 51 ปี อีกหนึ่งผู้เสียหาย ได้เดินทางมายังสำนักงานทนายกบพร้อมกัน เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของทนายคนเดียวกัน นางสุนันทา ระบุว่า เคยมีปากเสียงกับทนายรายนี้จากกรณีที่อีกฝ่ายส่งข้อความเชิงคุกคามทางเพศผ่านแชต ระบุว่า “ขอมีเซ็กซ์แลกกับการไม่ฟ้องคดีหมิ่นประมาท หากไม่ยอมจะฟ้องเรียกเงิน 300,000 บาท
หลังเกิดเหตุ นางสุนันทา ได้ร่วมกับทนายกบเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อทนายคนนี้ที่ สน.เตาปูน ใน 4 ข้อหา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีสำนึกผิด อีกทั้งยังส่งข้อความใหม่ในลักษณะไม่เหมาะสมคุกคามทางเพศ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้วงการทนายความเสื่อมเสีย ทั้งที่ยังมีทนายดี ๆ อีกมาก เชื่อว่าข่าวที่เผยแพร่ในโซเชียล ตนมองว่าสภาทนายความต้องรับทราบแล้ว แต่กลับไม่มีการดำเนินการใด ๆ วันนี้จึงมาเรียกร้องความเป็นธรรมและปกป้องสิทธิของประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของทนายที่ไม่มีจรรยาบรรณอีก และภายในพรุ่งนี้จะเดินทางไปยื่นคำกล่าวหาผิดคดีมรรยาทกับทนายความคนดังกล่าว

ด้านทนายณธัชพงศ์ หรือ “ทนายกบ” ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการจากทั้งสองผู้เสียหายแล้ว และในวันที่ 29 พ.ค. 68 เตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสภาทนายความ เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจขัดต่อจรรยาบรรณและมรรยาทของทนายความ พร้อมย้ำว่า การกระทำของทนายความที่ละเมิดสิทธิของลูกความ ไม่ว่าจะทางกฎหมายหรือศีลธรรม ไม่ควรเกิดขึ้นในวิชาชีพนี้โดยเด็ดขาด.