สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ว่าจากกรณีศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่ที่ย่านแมนฮัตตัน ในนครนิวยอร์กของสหรัฐ มีคำพิพากษาให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระงับการตั้งกำแพงภาษีต่างตอบแทน กับคู่ค้าแทบทุกประเทศและดินแดนบนโลก โดยศาลระบุว่า ผู้นำสหรัฐใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และการอ้างอิง “สถานการณ์ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ” ตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ไออีอีพีเอ) ฉบับปี 2520 “ไม่สมเหตุสมผล”
BREAKING: A federal court strikes down many of the tariffs imposed by President Trump, ruling them illegal. https://t.co/DAkbpLREuw
— CBS News (@CBSNews) May 28, 2025
นอกเหนือจากคำสั่งของศาลครอบคลุมอัตราภาษี ที่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ยังรวมถึงการกำหนดอัตราภาษีที่ผู้นำสหรัฐใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งมีการประกาศก่อนหน้านั้น ท่ามกลางความขัดแย้งเรื่องปัญหาเฟนทานิลและผู้อพยพผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลการค้าระหว่างประเทศ ไม่ได้ครอบคลุมการเก็บภาษียานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม ที่ทรัมป์กำหนดในอัตรา 25% ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 232 ของกฎหมายการขยายการค้า ฉบับปี 2505
ทั้งนี้ ศาลการค้าระหว่างประเทศสั่งให้รัฐบาลทรัมป์ต้องดำเนินการภายใน 10 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลประกาศคำพิพากษา เพื่อให้มีการระงับใช้มาตรการภาษีเหล่านี้ แต่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกล่าวว่า นโยบายดังกล่าวของทรัมป์ “เป็นเรื่องการเมือง” ซึ่งศาลการค้าระหว่างประเทศไม่มีอำนาจตัดสิน ส่งสัญญาณว่า เรื่องนี้ต้องไปถึงศาลฎีกาในกรุงวอชิงตัน.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES