จากกรณีปัญหาน้ำประปาในอำเภอนาโพธิ์ บุรีรัมย์ ยังคงตึงเครียด หลังสองสามีภรรยาถูกตัดมิเตอร์น้ำ เหตุไม่ยอมเปิดทางเดินเข้าศาลปู่ตาที่อยู่ในที่ดินส่วนตัว ทั้งที่อ้างว่ามีโฉนดและต้องการล้อมรั้วกันขโมย รวมถึงมีเส้นทางอื่นเข้าศาลปู่ตาอยู่แล้ว
ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านโต้ว่าการล้อมรั้วเป็นการจงใจสร้างภาระ เพราะเส้นทางที่อ้างนั้นเป็นที่ดินของคนอื่น และชาวบ้านเคยใช้เส้นทางเดิมมาตลอด
สมาชิก อบต. ยืนยันว่าการตัดน้ำเป็นมติเอกฉันท์ของประชาคมชาวบ้านกว่า 60-70 คน โดยมีข้อตกลงว่า “ถ้าไม่ให้ผ่านทาง เราก็ไม่ให้ใช้น้ำ” และเน้นย้ำว่าประปาเป็นของ อบต. ที่ยกให้หมู่บ้านดูแล ทาง อบต. ย้ำว่าสองสามีภรรยายินยอมเปิดทางให้ชาวบ้าน
ล่าสุดเรื่องนี้ทำให้ชาวเน็ตเป็นเดือดเป็นร้อนแทนลุงกับป้า และกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อกรณีพิพาทเรื่องการตัดน้ำประปาของสองสามีภรรยาใน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มชาวบ้าน โดยมองว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม และละเมิดสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น

“ถ้าไม่ให้ไปเราไม่ให้ใช้!” ชาวบ้านขู่ตัดน้ำถาวร ปมที่ดินพิพาทหน้าศาลปู่ตา…
ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ได้มีการเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดถึงกรณีที่นายฉลูและนางบุษกร สองสามีภรรยา ถูกถอดมิเตอร์น้ำประปาเพียงเพราะไม่ยอมเปิดทางเดินเข้าศาลปู่ตาที่อยู่ในที่ดินส่วนตัว โดยชาวเน็ตตั้งคำถามถึงความชอบธรรมในการกระทำดังกล่าว:
-“ทรัพย์สินเขาก็ต้องล้อมรั้วสิ! มันเป็นสิทธิของเขา” หลายคนชี้ว่าการที่เจ้าของที่ดินล้อมรั้วเพื่อป้องกันทรัพย์สินที่มักจะหายไป เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย และไม่ควรถูกลงโทษจากการกระทำดังกล่าว
-“คุณเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือคุณเป็นอันธพาลนักเลง?” คำถามนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อโจมตีบทบาทของผู้ใหญ่บ้าน ที่ควรมีหน้าที่ดูแลลูกบ้านและอำนวยความสะดวก แต่กลับใช้วิธีการ “ตัดน้ำ” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต เพื่อบีบบังคับให้ทำตามความต้องการของชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
-“เป็นผู้ใหญ่บ้านแทนที่จะดูแลลูกบ้าน แบบนี้จะเป็นผู้ใหญ่บ้านเห็นแก่ตัว” เสียงตำหนิถึงการตัดสินใจที่มองว่าขาดธรรมาภิบาล และไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกบ้าน
ข้อถกเถียงนี้ได้จุดประเด็นให้สังคมกลับมาทบทวนเรื่องการเคารพสิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคล และการใช้อำนาจของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลชุมชน โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่เรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นธรรมและถูกต้องตามหลักกฎหมาย แทนที่จะใช้การบีบบังคับในลักษณะที่ถูกมองว่า “อันธพาล”
สถานการณ์ใน อ.นาโพธิ์ ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม ว่าท้ายที่สุดแล้ว จะสามารถหาทางออกที่ยุติธรรมและสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างชาวบ้านและคู่กรณีได้หรือไม่