สร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ ไม่น้อย หลังจากนางเอกชื่อดัง “พีพี-ปุญญ์ปรีดี คุ้มพร้อม รอดสวาสดิ์” ได้ออกมาประกาศชี้แจงให้กับแฟนๆ ทุกคนได้ทราบถึงการสิ้นสุดบทบาทผู้จัดการส่วนตัว หลังจากนี้จะให้คุณแม่เข้ามาเป็นผู้ดูแลงานของเธอ ทำเอาแฟนๆ เกิดข้อสงสัยว่ามีปัญญาอะไรกันหรือเปล่า พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้กับสาวพีพีกันอย่างมากมาย
‘พีพี ปุญญ์ปรีดี’ ประกาศยุติบทบาท ผจก.ส่วนตัว จากนี้ให้คุณแม่เข้ามาดูแลแทน


ล่าสุดในงานประกาศรางวัล KAZZ AWARDS 2025 สาวพีพีได้เคลียร์ใจถึงปมประเด็นร้อนดังกล่าว พร้อมทั้งเผยประสบการณ์ใหม่ร่วมเดินพรมแดงที่เมืองคานส์คู่กับพระเอกคู่จิ้นคู่ใจ “เก้า นพเก้า” โดยเธอเผยว่า “สำหรับเรื่องล่าสุดเรียกว่าเป็นเหมือนช่วงหมดสัญญาพอดีแค่นั้นเลย คือเราลงประกาศเพื่อความชัดเจน เหมือนสะดวกกับการทำงานในอนาคตแค่นั้นเลย ส่วนที่ผ่านมาพี่ผู้จัดการดูแลพีมาดีตลอดเลย แล้วคือช่วงที่มันเป็นการหมดสัญญาก็เลยรู้สึกว่าอยากให้คุณแม่มาเป็นที่ปรึกษาและมาช่วยดูแลด้วยแค่นั้นเลยค่ะ ซึ่งตอนตัดสินใจถามว่ายากไหม คือที่ผ่านมาพี่เค้าก็ดูแลมาดีตลอด แต่ว่าอย่างที่บอกเพราะมันใกล้หมดสัญญาหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายเราก็อยากให้คุณแม่เข้ามาช่วยดูแลเพิ่มขึ้น
ส่วนการรับงานในตอนนี้เรียกได้ว่าทั้งพี และคุณแม่ก็ต้องเรียนรู้กันไป พอเราแจ้งจดหมายออกไป หลายคนมองในด้านลบซึ่งพีไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย คือที่ผ่านมาพี่เขาดูแลดีมากจริงๆ แล้วพีก็ไม่ได้มีเจตนาที่ให้การประกาศครั้งนี้มันออกไปในรูปแบบที่ไม่ดี คือที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ส่วนฟีดแบ็กหลังจากนี้ ก็ยังไม่รู้เลยว่า ณ เวลานี้จะเป็นยังไงกันบ้าง คือเรายังสามารถติดต่อกับพี่เขาได้ คือเรายังไม่ได้หายไปไหน เรายังเจอกันตามงานต่างๆ เพียงแต่ว่าเราอาจจะไม่ได้ร่วมงานกันทุกงานเท่านั้นเอง ซึ่งเราก็ยังมีงานค้างด้วยกันอยู่
พอคุณแม่เป็นคนลงมาดูแลก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเรียนรู้ในการรับงาน ก็ค่อยๆ เรียนรู้กันไป แล้วศึกษาจากคนรอบข้างว่า งานแบบนี้เราจะต้องรับงานยังไง ส่วนในสิ่งที่ต้องปรับปรุงสำหรับการทำงาน จริงๆ ตอนนี้พอเหมือนเราเพิ่งเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เราก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปในทางไหนบ้าง อาจจะต้องทำงานไปซักระยะหนึ่ง แล้วถ้ามีอะไรให้ต้องแก้ไขก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ส่วนคุณแม่ก็ต้องเรียนรู้ไปกับหนูเหมือนกัน ก็จะพยายามคุยงานและทำให้เต็มที่ที่สุดในช่วงเวลานี้ ซึ่งพอแม่ลงมาเป็นผู้จัดการด้วยก็มีการปรึกษาการคุยกัน แต่ส่วนใหญ่ก็คุยกับคุณแม่ไม่มีอะไรอยู่แล้วค่ะ คือเราไม่ค่อยมีปัญหา มีอะไรเราก็คุยกันตรงๆ อยู่แล้ว”

นางเอกสาว ได้เผยต่อว่า “สำหรับที่ไปเมืองคานส์ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ สำหรับพี เป็นความทรงจำที่ดีมากๆ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เจอวัฒนธรรมหรือไปเจอศิลปะการแต่งตัวที่ว้าว ส่วนการแต่งตัวของเราก็ออกแนวเซ็กซี่ ตัวพีก็เขินเหมือนกัน ณ ตอนนั้น ถามว่าคนที่ไปกับเราห่วงไหม (เก้า นพเก้า) อันนี้ก็ไม่แน่ใจ พอเราไปเดินในที่ไม่ได้คุ้นเคย เราก็ให้กำลังใจกันคอยซัพพอร์ตกัน นี่ก็เหมือนเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ท้าทายครั้งแรกของพวกเราทั้งสองคนคือเหมือนเราก็ให้กำลังใจกัน ว่าเราจะทำให้เต็มที่ที่สุด แล้วพี่เขาก็ทำออกมาได้ดีมากๆ คือเป็นการเดินออกมาได้เท่ แล้วก็สง่าและมีความเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย พีก็รู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ในตัวเขามากๆ ถ้าคะแนนเต็มเท่าไหน หนูให้เกินคะแนนเลย คือลุคนี้พี่เก้าคือเท่ที่สุด ดูดีที่สุด มีออร่าที่สุดสำหรับตัวหนู คือเขาพรีเซ็นต์ตัวเขาออกมาได้ดีมากๆ ขนาดเป็นครั้งแรกของเขา เรารู้สึกว่านี่เขาเดินมากี่ครั้งแล้ว คือเขาทำออกมาได้ดีจริงๆ
หลายคนที่บอกว่าเดินคู่กันเหมาะสมกันมาก ก็กราบขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำชื่นชม เพราะเราเป็นคู่จิ้นกันแล้วได้ไปทำงานใหญ่ๆ คู่กัน ถามว่าประสบความสำเร็จมากแค่ไหน คือหนูต้องขอบคุณที่มอบโอกาสดีๆ ให้ทั้งตัวพี่เก้าและตัวพีได้เข้าไปร่วมงานคานส์ในครั้งนี้ ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่จะไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อน พอเกิดขึ้นแล้วพีเลยรู้สึกว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ประสบการณ์ดีๆ เหล่านี้ พีจะจดจำและเรียนรู้เก็บไว้ในความทรงจำอย่างดีเลย และที่สำคัญก็รู้สึกว่าพีอยากจะขอบคุณแฟนๆ ทุกคนเลย ทั้งแฟนๆ คนไทยและอินเตอร์แฟน ที่เข้าร่วมส่งพลังความรักและกำลังใจทุกอย่างให้พี่เก้าแล้วก็ให้หนู รวมถึงทีมงานทุกๆ คนในการไปร่วมงานในครั้งนี้ก็อยากจะขอบคุณจริงๆ คือเราได้เห็นและเราได้รับพลังงานความรักจากตรงนั้นเต็มเปี่ยมมากๆ

ส่วนที่พี่เก้าบอกว่าเราเป็นคนพิเศษสำหรับเขา ก็รู้สึกดีใจ ที่เห็นหนูเป็นคนพิเศษสำหรับเขา ซึ่งคำว่าพิเศษสำหรับตัวพี พิเศษในที่นี้มันก็หลากหลายมุมมอง หลากหลายรูปแบบว่า จะพิเศษอะไรยังไง ก็อาจจะต้องไปลงรายละเอียดของพี่เขาอีกทีนึงว่า คำว่าพิเศษของพี่เขาหมายความว่าอะไร คือเราก็ได้ฟังคำสัมภาษณ์แล้วก็….(ยิ้ม) ถามว่าพี่เขาเป็นคนยังไง ก็ในการทำงานพี่เขาก็เป็นคนที่พิเศษมากเหมือนกัน เพราะว่าพี่เขาเป็นคนที่พีร่วมงานบ่อยที่สุดและมากที่สุดแล้ว ส่วนในชีวิตก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต
พอหลังจากจบสัมภาษณ์แล้วถามว่ามีการได้คุยกันหลังไมค์ไหม ขอไม่ลงรายละเอียดค่ะ ถามว่าดีใจไหม ก็แน่นอนค่ะ ทุกคนพอได้ยินคำว่าเราเป็นคนพิเศษสำหรับใคร หรือใครมองว่าเราเป็นคนพิเศษ มันมีความสุข และมันก็มีพลังดีๆ อยู่ในนั้น มันก็ทำให้ดีใจและมีความสุขและอยากจะขอบคุณเหมือนกัน”
