เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีพบชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะของผู้หญิงผมน้ำตาลแดง ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ต่อมามีเพจดังนำมาเชื่อมโยงกับการหายตัวไปของ น.ส.เมทินี (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี หรือเมย์ ชาว จ.สงขลา ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานกว่า 20 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 โดยญาติได้แจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าสองเหตุการณ์นี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่

สยอง! พบกะโหลกผู้หญิงผมยาวน้ำตาลแดง ยัดถุงดำทิ้งริมทางรอบบ่อปลา

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก น.ส.นี (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี เพื่อนที่ น.ส.เมย์ ติดต่อขอมาทำงานด้วย ที่บาร์แห่งหนึ่ง ย่านบัวขาว พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดย น.ส.นี เล่าว่า นายเปตรู ชาวโรมาเนีย และเป็นอดีตแฟนของ น.ส.เมย์ ได้ติดต่อมาหาตน และมีการพยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ น.ส.เมย์ โดยนายเปตรู เดินทางกลับประเทศโรมาเนีย ไปตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน และพบว่าวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 น.ส.เมย์ ยังส่งข้อความแชต ไปหานายเปตรู โดยระบุข้อความว่า “เธอโทรหาฉันเหรอ เธอมีอะไรจะคุยกับฉัน” ซึ่งนายเปตรู พยายามง้อ น.ส.เมย์ โดยบอกว่า “ฉันรักเธอ อยากให้คุณยกโทษให้ฉัน และฉันจะส่งเงินให้” ซึ่งข้อความนี้ นายเปตรู ยืนยันว่า ตัวเองเดินทางกลับไปประเทศโรมาเนียแล้ว และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวของ น.ส.เมย์ อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าเคยคบหากับ น.ส.เมย์ แล้วสุดท้ายก็ต้องเลิกกัน ก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศโรมาเนีย

ด้าน น.ส.โม (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นนายจ้างคนแรก ที่ น.ส.เมย์ มาทำงานที่บาร์ย่านซอยบัวขาว ให้ข้อมูลว่า น.ส.เมย์ มาทำงานที่ร้าน เมื่อวันวันที่ 10 มกราคม 2568 โดยมาสมัครงานเป็นพนักงานเงินเดือน และพักอาศัยอยู่ที่หอพักของทางร้าน โดยทำงานได้เพียง 2 วัน น.ส.เมย์ ก็ได้พบรักกับ นายเปตรู จากนั้นทั้งคู่ ก็ย้ายไปอยู่ด้วยกัน จนวันที่ 28 มกราคม น.ส.เมย์ ก็ขอลาออกจากการเป็นพนักงานเงินเดือน ผ่านไปสักระยะ ช่วงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ น.ส.เมย์ ได้ขอกลับมาทำงานอีกครั้ง โดยขอทำงานในลักษณะเป็นพาร์ทไทม์ ซึ่งทางร้านก็ตกลง ระหว่างที่ น.ส.เมย์ มาทำงาน นายเปตรู ชาวโรมาเนีย จะมานั่งเฝ้าเป็นประจำ และชอบแสดงพฤติกรรมหึงหวง บางครั้งก็มานั่งที่ในร้าน บางครั้งก็นั่งอยู่ที่บาร์ฝั่งตรงข้าม โดย น.ส.เมย์ กับนายเปตรู เกิดการทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง จนทางร้านทนพฤติกรรมไม่ไหว จึงตัดสินใจเชิญ น.ส.เมย์ ออกจากร้านในช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคม หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครเคยได้เห็น น.ส.เมย์ อีกเลย

หลังจากการหายตัวไปของ น.ส.เมย์ และตกเป็นข่าว ตนกับพนักงานได้มานั่งพูดคุยกัน และทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ในช่วงระยะที่นายเปตรู กับ น.ส.เมย์ มีปัญหากัน จะมีผู้ชายผอมสูง ผิวคล้ำ ไว้หนวด ลักษณะเป็นวินจักรยานยนต์รับจ้าง มาคอยรับ-คอยส่ง เป็นประจำ โดย น.ส.เมย์ เคยบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า “แค่ควงประชด นายเปตรู” เพราะไม่พอใจที่กลับขึ้นห้องพักไป แล้วไปเจอ นายเปตรู นอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ซึ่งหลังจากที่ น.ส.เมย์ หายตัวไป ในฐานะเป็นอดีตนายจ้างเก่า รวมถึงเพื่อนร่วมงานทุกคน รู้สึกเป็นห่วง แล้วหวังว่า น.ส.เมย์ ยังมีชีวิตอยู่

ส่วนความคืบหน้าการทำงานของตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา เบื้องต้นชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่หาข่าว การหายตัวไปของ น.ส.เมย์ โดยเน้นการใช้เทคนิคการค้นหา สัญญาณโทรศัพท์ รวมถึงความเคลื่อนไหวทางบัญชีการเงิน โดยพบว่าล่าสุด ช่วงประมาณวันที่ 17 พฤษภาคม ยังมีการโอนเงิน รวมถึงเติมเงินใส่โทรศัพท์มือถือ แต่ในกรณีมีการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งตำรวจสืบสวนภาค 2 และ ตำรวจ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา จึงไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกกับทีมข่าวได้ หากมีรายงานเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินไปยังแมนชั่นแห่งหนึ่ง ย่านถนนพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหอพักที่ นายเปตรู กับ น.ส.เมย์ เคยอยู่ด้วยกัน โดยพูดคุยกับ นางนิด อายุ 63 ปี คนดูแลแมนชั่น ให้ข้อมูลว่า นายเปตรู เคยมาพัก จากนั้นช่วงเดือนมกราคม 2568 ก็พา น.ส.เมย์ มาอยู่ด้วย จนช่วงกลางเดือนมีนาคม ทั้งสองเกิดมีปัญหาทะเลาะกันอย่างรุนแรง เพราะ น.ส.เมย์ จับได้ว่า นายเปตรู พาผู้หญิงมานอน เลยขนของย้ายออก ก่อนหน้าที่ นายเปตรู จะกลับประเทศไป 1 เดือน จากนั้นก็ไม่เคยเห็น น.ส.เมย์ อีกเลย

“ยืนยันว่าวันที่เมย์ มาขนของออก มีผู้ชายไทย 1 คน ตัวสูงผิวดำหน้าตาโหดๆ ไว้หนวด เป็นคนมาช่วยขน โดยขนขึ้นรถสีดำ จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากแมนชั่นไป ส่วน นายเปตรู เคยมาบ่นให้ฟังว่า รักเมย์มาก แต่ก็ถูกทิ้งไป กระทั่งวันที่ 14 เมษายน นายเปตรู ได้เดินทาง กลับประเทศโรมาเนียไป” นางนิด เผย

ทีมข่าวพยายามลงพื้นที่ไปยังบริเวณถนนเลียบชายหาดเมืองพัทยา เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับ น.ส.เมย์ หลังเคยส่งข้อความไปบอกลูกพี่ลูกน้อง ว่าถูกชาวต่างชาติทำร้าย และถูกไล่ออกจากงาน จนต้องไปอาศัยนอนตามชายหาด ซึ่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไป ก็มีคนยืนยันว่าไม่เคยเห็น น.ส.เมย์ ในย่านดังกล่าว รวมถึงชายหาดที่มีการถ่ายรูป น่าจะไม่ใช่ชายหาดเมืองพัทยา น่าจะเป็นชายหาดย่านถนนจอมเทียน