สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ว่า การตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ ถูกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประณามเป็นประจำ ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และถูกมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญประการหนึ่งต่อการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ระหว่างชาวอิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์
การตัดสินใจสร้างนิคมเพิ่มเติม ซึ่งดำเนินการโดยคณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล ได้รับการประกาศโดยนายเบซาเลล สโมทริช รมว.คลังอิสราเอล และนายอิสราเอล คัตซ์ รมว.กลาโหมอิสราเอล
“เราทำการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์สำหรับการพัฒนานิคม โดยจัดตั้งชุมชนใหม่ 22 แห่ง ในเขตจูเดียและซามาเรีย ตั้งถิ่นฐานใหม่ทางตอนเหนือของเขตซามาเรีย และเสริมกำลังแกนตะวันออกของรัฐอิสราเอล” สโมทริช ระบุบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ “เอ็กซ์”
ขณะที่คัตซ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวคิดริเริ่มนี้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของภูมิภาค และกำหนดอนาคตของการตั้งถิ่นฐานในอีกหลายปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสระบุในแถลงการณ์ว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการต่อต้านเจตจำนงระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง ตลอดจนละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และมติของยูเอ็นอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และองค์กรอิสระ (เอ็นจีโอ) ที่ต่อต้านการตั้งถิ่นฐาน ระบุว่า การผนวกดินแดนที่ถูกยึดครอง และการขยายการตั้งถิ่นฐาน คือ เป้าหมายหลักของรัฐบาลอิสราเอล พร้อมกับเสริมว่า ความเคลื่อนไหวข้างต้นจะปรับเปลี่ยนเขตเวสต์แบงก์อย่างมาก และทำให้การยึดครองฝังรากลึกยิ่งขึ้น.
เครดิตภาพ : AFP