เมื่อวันที่ 30 พ.ค.68 นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์อย่างดุเดือด ว่าเขาป่วยทิพย์ แต่ออกมาปลุกหมอล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง อันนี้แหละคือป่วยจิตวิปลาสชั่วช้าของจริง

โดยก่อนหน้านั้น นายรัศม์ได้โพสต์ด้วยว่า การไปตัดสินลงโทษคนอื่นในหน้าที่ของตน โดยใช้ความเชื่ออคติส่วนตัว คือความชั่วร้ายและปราศจากจริยธรรมใดๆ

สัญลักษณ์ของความยุติธรรมนั้น ปกติจะเป็นรูปเทพี มือหนึ่งถือตราชั่ง อีกข้างถือดาบ และมักมีผ้าคาดปิดตา เพราะเขาถือกันว่าผู้รักษาความยุติธรรมจะต้องตาบอดมองไม่เห็นต่อสิ่งที่รักที่ชัง ปราศจากความชอบเกลียดและอคติส่วนตน ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นเครื่องตัดสิน

ถ้าภาพไลน์หลุดของพวกหมอในแพทยสภานี้ เป็นของจริง นี่ก็คือตัวอย่างชัดเจนของการอาศัยความเชื่ออคติส่วนตนเป็นหลักในการตัดสิน ที่ไม่ได้เอ่ยถึงหลักฐานทางวิชาการใดๆ เลย

ซึ่งคือความเลวที่กระทำไปโดยคนที่คิดว่าตนเองเป็นคนดี(ย์) ที่ในสาระแทบไม่ต่างอะไรนักกับการตั้งศาลเตี้ย ประชาทัณฑ์ อันป่าเถื่อนที่ทำไปในนามของ “ความดี” นั่นเอง

หมอบางคนมีความคิดว่าด้วยอาชีพที่สังคมให้เกียรติ ที่จำเป็นต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพสูง เลยทำให้ตัวเองกลายเป็นคนดีเหนือกว่าใครไปโดยปริยาย เป็นคนมีจริยธรรมและคุณธรรมสูงส่งยิ่งกว่าคนปกติทั่วไปเขา

แต่มันไม่ใช่หรอกครับ แม้ท่านจะต้องมีจรรยาบรรณสูงกว่ามาตรฐานทั่วไป แต่มันไม่ได้ทำให้พวกท่านกลายเป็นคนดีกว่าใครโดยอัตโนมัติ

ยิ่งเมื่อใดที่ท่านใช้อคติความเกลียดชังส่วนตัว ไปตัดสินคนอื่นในหน้าที่ ทั้งที่ท่านควรมีจรรยาบรรณสูงกว่าคนอื่นนั้น กลับยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความชั่วภายในใจที่ยิ่งแย่กว่าคนอื่นด้วยซ้ำ

บอกตรงๆ พวกหมอที่คิดว่าตนเองเป็นคนดี(ย์) วิเศษวิโสกว่าคนอื่นนั้น ผมรังเกียจและขยะแขยงมาก