สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม ทรูธ โซเชียล ว่าจีนเป็นฝ่าย “ละเมิดข้อตกลงกับสหรัฐ” ในการสงบศึกทางการค้า ซึ่งทั้งสองประเทศเจรจาร่วมกัน ที่เมืองเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อช่วงกลางเดือนนี้


ทั้งนี้ ทรัมป์ไม่ได้ขยายความว่า จีน “กระทำผิดข้อตกลงอย่างไร” อย่างไรก็ตาม การโพสต์ดังกล่าวของทรัมป์เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังนายสกอตต์ เบสเซนต์ รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าของการเจรจาการค้ากับจีน หลังทั้งสองประเทศเห็นพ้อง “สงบศึก” เป็นเวลา 90 วัน ตามผลการเจรจาที่สวิตเซอร์แลนด์ ว่า “ไปไม่ถึงไหนและซับซ้อนนิดหน่อย” และโดยส่วนตัวเขามองว่า “ณ จุดหนึ่ง” ควรมีการสนทนาโดยตรงทางโทรศัพท์ ระหว่างผู้นำสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน


นับตั้งแต่ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงสงบศึกทางการค้าร่วมกัน สหรัฐหันไปให้ความสำคัญกับการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ( อียู )


ขณะที่นายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ วิจารณ์รัฐบาลปักกิ่ง “ยังคงใช้นโยบายชะลอและสกัดกั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญ อาทิ แร่ธาตุหายาก” ทว่ารัฐบาลวอชิงตันระงับการส่งออกเทคโนโลยีที่สำคัญไปยังจีนเพิ่มเติมอีก ซึ่งรวมถึงเซมิคอนดักเตอร์ และสารเคมีและเครื่องจักรบางประเภท


อนึ่ง ศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐมีคำสั่งชั่วคราว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระงับคำพิพากษาของศาลการค้าระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการระงับมาตรการภาษีแทบทั้งหมดของทรัมป์ โดยให้เหตุผลว่า “เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดี” และกำหนดให้ฝ่ายโจทก์ส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ 5 มิ.ย. ส่วนทำเนียบขาวต้องส่งคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ 9 มิ.ย.นี้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES