จากกรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้มีมติออกมาตรการเข้มงวด และควบคุมพื้นที่สีแดงเข้ม จำนวน10 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร , นนทบุรี , นครปฐม ,ปทุมธานี ,สมุทรปราการ ,สมุทรสาคร , สงขลา , ยะลา , ปัตตานี และ นราธิวาส โดยห้ามประชาชนเดินทางข้ามจังหวัด และห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 น. ไปจนถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยมีผลเริ่มบังคับใช้วันนี้เป็นวันแรก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับกรณีนี้ เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นสำรวจบรรยากาศการเดินทางกลับบ้านของผู้คนช่วงเย็นหลังเลิกงาน ที่จุดให้บริการขนส่งสาธารณะบริเวณด้านหน้าสวนจตุจักร อีก 1 จุดศูนย์กลางของระบบขนส่งสาธารณะ กทม. ที่มีจุดให้บริการหลายรูปแบบ อาทิ รถไฟฟ้า รถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ รถตู้ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งจากการสอบถามกลุ่มพนักงานเอกชนที่ทำงานอยู่ในละแวกดังกล่าว รวมถึงผู้คนทั่วไป ที่ใช้ขนส่งสาธารณะในการเดินทางกลับบ้าน ส่วนใหญ่ยอมรับว่าได้รับผลกระทบพอสมควร เนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะได้สามารถกลับบ้านทันเวลา แต่ในกรณีบางคนที่ไม่สามารถปรับเวลาการเข้าออกงานให้เร็วขึ้นได้ ก็จำต้องยอมเปลี่ยนมาใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างที่รวดเร็วกว่าแทน แต่ก็ต้องมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย

ขณะที่บรรยากาศภาพรวมพบว่า ตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00 น.เป็นต้นมา เริ่มมีผู้คนทยอยเดินทางมาใช้บริการขนส่งสาธารณะต่างๆ ที่บริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถเมล์โดยสาร ส่งผลให้ป้ายรถเมล์ข้างทางจึงเต็มไปด้วยภาพของผู้คนที่ยืนต่อแถวยาวเพื่อรอคิวขึ้นรถกลับบ้าน

ส่วนที่ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนต้องเดินทางมาต่อรถโดยสารสาธารณะและรถไฟฟ้า รวมทั้งวินรถตู้ พบว่าประชาชนต่างทยอยมารอรถตามป้ายรถเมล์โดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อขึ้นรถเดินกลับเข้าบ้านอยู่ต่อเนื่อง เพื่อจะให้ทันกับเวลาที่ทางศบค.ประกาศ ขณะที่บรรยากาศบริเวณวินรถตู้สาย ต.85 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลังเกาะพญาไท เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ประชาชนที่โดยสารรถตู้กลับลดลงจนเห็นได้ชัด

ด้านนายบุญลือ ประกาสิทธิ์ อายุ 50 ปี คนขับรถตู้สาย ต.85 (อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) ยอมรับว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 ไม่มีท่าทีลดน้อยลง ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการประกาศขอความร่วมมืองดเดินทางข้ามจังหวัด ไม่ออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00 น. โดยไม่จำเป็น ปิดสถานที่เสี่ยง พร้อมทั้งขอความร่วมมือ work form home 100 % ส่งผลให้ผู้ประกอบการวินรถตู้ได้รับความเดือดร้อน ประชาชนใช้บริการลดน้อยลงแต่เดิมมีรถตู้ที่วินอยู่ 35 คัน เฉลี่ยวิ่งวันละ 3-4 รอบ ในแต่ละรอบรถ ใช้ระยะเวลาในการรอผู้โดยสาร 1-2 นาที

นายบุญลือ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน มีวินรถตู้มีเพียง 8 คัน ใช้ระยะเวลาในการรอผู้โดยสารนานกว่าครึ่งชม.กว่ารถจะออก ทำให้วิ่งได้วันละรอบต่อวันเท่านั้น ทั้งนี้ผู้โดยสารที่ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศ รวมทั้งนักศึกษาและข้าราชการ ซึ่งจากการที่รัฐบาลได้มีการขอความร่วมมือให้ทำงานที่บ้านก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารนั้นลดน้อยลง อย่างไรก็ตามตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทำความเข้าใจกับผู้โดยสารว่าตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป จะมีรถตู้ให้บริการถึงเวลา 20.00 น