เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในที่ประชุม ครม. ได้มีการหารือสถานการณ์ชายแดน ได้เน้นย้ำเรื่องของการรวมกันเป็นหนึ่ง เพราะปัญหาทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยและคนไทยทุกคนต้องรักษาสามัคคีกัน ต้องรวมกันให้ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมืองไทยในประเทศ ที่เราต้องมาแบ่งฝ่ายว่ารัฐบาลทำงานไม่ได้ ทหารทำงานดีไม่ดี มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องช่วยกัน และต้องขอความช่วยเหลือจากทุกๆ สื่อด้วย เพราะคนที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อคนกลุ่มมากหรือคนกลุ่มน้อยก็ตาม ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่า เมื่อเรามีปัญหาระหว่างประเทศ คนไทยต้องสามัคคี ถึงจะมีแรงในการพูดคุยเจรจาหรือต่อสู้ก็ตาม มันต้องใช้ความเป็นหนึ่ง ต้องใช้ความสามัคคี ความรักกันของคนในชาติ เพื่อที่จะสนับสนุนกัน รัฐบาลไม่ใช่แปลว่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง การปล่อยข่าวเฟคนิวส์ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไร รัฐบาลทำเรื่องนี้เต็มที่ เราต้องรักษาอธิปไตยของเราไว้ นี่คือสิ่งที่สำคัญและจำเป็นว่าเราจะต้องทำอย่างแน่นอน 

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของตัวรัฐบาลและทางทหาร มีการคุยกันตลอดว่าจะไปทางไหนอย่างไร เราต้องมั่นใจว่าเราเป็นประเทศไทย เพลงชาติของเราก็บอกอยู่แล้วไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด เราเตรียมพร้อมที่จะรักษาความปลอดภัยของคนไทยทุกคนอย่างแน่นอน ที่สงสัยว่าจะสงบสุขอย่างไร ตรงนั้นสงบสุขจริงหรือเปล่า จะบอกว่าไม่ต้องสงสัย เราเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์พร้อม เผื่อถ้ามีเหตุการณ์ปะทะขึ้นมา เราก็ต้องพร้อมในการรับมือ ไม่ใช่มาบอกว่าเราสันติวิธี แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่ผิดคาด ไม่พร้อมไม่ได้ เราต้องพร้อมที่จะรับมือทุกรูปแบบ แต่แน่นอนว่าเราเลือกสันติวิธี เราเลือกสิ่งนี้ เราเลือกที่จะไม่อยากให้มีการปะทะกัน ไม่อยากให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไหนก็ตาม ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ตอนนี้อุปกรณ์พร้อม เครื่องมือพร้อม พูดคุยได้ในทุกระดับ

“เราก็ต้องคิดอยู่เสมอว่าคนในชาติของเรา ต้องรักและเข้าใจว่าความร่วมมือต่างๆ นั้นสำคัญมาก แต่ในรายละเอียดเล็กๆ ที่คุยกันในทุกระดับ เราทั้งสองฝ่ายไม่สามารถแถลงเปิดเผยทั้งหมดได้ ขอให้ทุกคนเข้าใจในสิ่งนี้ และอย่ามองเรื่องนี้เป็นการเมืองภาพเล็กที่คนไม่สนับสนุนกัน จะต้องมาต่อสู้กัน มันไม่จำเป็น มันไม่ใช่นาทีนี้ วันนี้คนไทยต้องรวมกันเพื่อที่จะปกป้องพื้นที่ของเรา ปกป้องคนไทยด้วยกันเอง ตรงนี้คือสิ่งสำคัญ” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า มองหรือไม่ว่าขณะนี้มีขบวนการสมคบคิดไทยกับกัมพูชา ในการจุดไฟชายแดนเพื่อหวังผลทางการเมือง นายกฯ ถามกลับว่า “ขบวนการสมคบคิดกับใคร คนไทยกับกัมพูชาหรือ ไม่คิดอย่างนั้น คิดว่าไม่มีแบบนั้น” 

เมื่อถามต่อว่า นายกฯ อยากชี้แจงกรณีโซเชียลมีเดียโจมตีนายกฯ ถึงท่าทีที่ผ่านมา และมีการโยงไปถึงคนในตระกูลนายกฯ ดองกับคนสนิทของ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า ในระดับความสัมพันธ์ของผู้นำ ตนไม่เถียงเลยว่าเป็นมิตรกัน แต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายที่เราจะมีเพื่อน พร้อมกับย้อนถามสื่อมวลชนว่า “คนข้างๆ เป็นเพื่อนหรือเปล่า ทุกคนมีเพื่อนได้” แต่ถามว่าถ้าวันหนึ่งเพื่อนทะเลาะกัน หรือเพื่อนไม่เข้าใจ เราปรับความเข้าใจกัน ถูกใช่หรือไม่ เรายกหูกันได้ นั่นคือสิ่งที่ทำตลอด ไม่ใช่เฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น

เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของรัฐบาลดูนิ่งไป ควรต้องปรับยุทธศาสตร์เชิงรุกด้วยการปิดด่าน เพื่อเป็นการตอบโต้บ้าง นายกฯ กล่าวว่า เราดูในเรื่องความสงบสุขว่าถ้าปิดด่านชายแดนจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ จะเกิดโทษหรือคุณอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ปรึกษากับทางทหารมาโดยตลอดว่าควรขยับอย่างไรบ้าง หน้างานอุณหภูมิประมาณไหน เรื่องนี้คือสิ่งที่คุยกันตลอด และวันนี้ที่รัฐบาลออกแถลงการณ์ ก็ได้มีการพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงทางทหาร ว่าเราจะออกแถลงการณ์แบบไหนให้ประชาชนทราบว่าเราพร้อมที่จะดูแลประชาชน และเราพร้อมที่จะคุยกับต่างประเทศด้วยสันติวิธี อันนี้คือใจความหลักที่จะเกิดขึ้น 

เมื่อถามย้ำว่า แม่ทัพภาค 2 พูดชัดเจนว่ามีการรุกล้ำ นายกฯ ชี้นิ้ว พร้อมตอบว่า ใช่ค่ะ ก่อนจะกล่าวต่อว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะลงพื้นที่ไปดูหน้างาน พร้อมกับบอกสื่อมวลชนว่า “ไปดูด้วยกันเลยก็ได้” โดยสื่อมวลชนตอบว่า นายภูมิธรรมไม่พาไป ก่อนที่นายกฯ จะตอบว่า อ่อ และกล่าวว่า เขาไม่พาไป พร้อมกับหัวเราะและปลอบสื่อมวลชนว่า ไม่เป็นอะไรนะคะ โดยสื่อมวลชน ตอบว่า ไม่เสียใจ ก็มาถามกับนายกฯ ได้ ก่อนที่นายกฯ จะกล่าวว่า “นึกว่าเสียใจ จะบอกว่าไม่เป็นอะไรนะคะ” พร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะถามสื่อมวลชนว่าเป็นอะไรหรือเปล่า นักข่าววันนี้ดุจังเลย ก่อนที่นักข่าวจะตอบว่า “ไม่ได้ดุค่ะ” 

ผู้สื่อข่าวงานว่าภายหลังการให้สัมภาษณ์ น.ส.แพทองธาร ได้เดินมาหาผู้สื่อข่าวที่สอบถามประเด็นชายแดน โดยนายกฯ กล่าวว่า “จะมาถามว่ามีอะไรหรือเปล่า หายไปไหนแล้ว เขาโกรธอะไรหรือวันนี้ หน้าเขาดูเหวี่ยงมากเลย จึงเดินมาดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะพี่อ้วนไม่ชวนลงพื้นที่หรือ งง เพราะเขากระฟัดกระเฟียด” ทำให้สื่อมวลชนที่ยืนอยู่บริเวณดังกล่าว ชี้แจงว่า ไม่ใช่ เสียงเขาเป็นเช่นนั้น ไม่มีใครโกรธนายกฯ และที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวออกไปก่อนแล้ว เพราะออกไปทำแถลงข่าวอีกที่หนึ่ง 

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าหลังให้สัมภาษณ์เสร็จ น.ส.แพทองธาร เดินทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที ไม่ได้ขึ้นไปรับประทานอาหารบนตึกบัญชาการ 1 เหมือนทุกสัปดาห์.