“ชุมชนเมืองเดลินิวส์” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง ถึงสถานการณ์ที่ดูเหมือนซบเซาในช่วงนี้ ถือเป็นวงจรของการท่องเที่ยวปกติหรือไม่ รวมถึงภาพในอนาคตของถนนบรรทัดทอง ที่เราจะได้เห็นต่อไป เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี

นายสิทธิฉันท์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ในถนนบรรทัดทองก็เงียบและซบเซาลงตามลำดับ ตามสภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นเหมือนกันหมดประมาณ 30-40% รวมถึงนักท่องเที่ยวในไทยก็หายไปด้วย จากที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการที่ให้บริการรถโดยสารสำหรับนักท่องเที่ยว ทราบว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค. 68 ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงหลังแผ่นดินไหว ที่เห็นว่านักท่องเที่ยวใน กทม. หายไปมากขึ้น

“ในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. ของทุกปี อาจจะคิดว่าเป็นช่วงนักท่องเที่ยวซบเซาตามปกติ แต่ปีนี้ไม่ใช่ “เป็นการซบเซาที่ไม่ปกติ” เนื่องด้วยปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปกติ ประกอบกับกายภาพของถนนบรรทัดทอง หากมีฝนตกนักท่องเที่ยวจะไม่เดิน เพราะรู้สึกว่าพื้นถนนหรือทางเท้ามีน้ำขังเปียกแฉะ อีกทั้งบางจุดไม่มีหลังคาคลุม หรือบางจุดโดนน้ำที่อยู่ตามกันสาดไหลตกลงมาบนเสื้อเกิดความสกปรก ในช่วงเดือน เม.ย. ยอดขายยังดี และนักท่องเที่ยวยังเดินกันคลาคล่ำ แต่พอเดือน พ.ค. ที่มีฝนตกทุกวัน นักท่องเที่ยวก็หายไปมาก แต่เมื่อต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่มีการจัดงาน Pride Month : Bangkok Pride Festival 2025 ก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาราว 10%ได้”

นายสิทธิฉันท์ ยังกล่าวถึงแนวทางการเพิ่มนักท่องเที่ยวและการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า การจัดกิจกรรมบนถนนบรรทัดทองเป็นประจำ จะช่วยเรียกให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องปิดถนนเพื่อจัดกิจกรรมให้กระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจร แต่หากมีการจัดสีสัน หรือให้แต่ละเดือนมีกิมมิค มี event ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ และผู้ประกอบการที่มีอยู่กว่า 370 ร้านค้า หากแต่ละร้านร่วมใจกันตกแต่งสถานที่ แต่งกายไปในธีมเดียวกัน เชื่อว่าจะทำให้ถนนบรรทัดทองกลับมาคึกคัก เช่น จัดเทศกาลอาหารนานาชาติ, เทศกาลตรุษจีน, เทศกาลวันฮาโลวีน ที่ร้านค้ามีการแต่งกาย-ตกแต่งร้านในบรรยากาศฮาโลวีน เป็นต้น ทั้งนี้ ถนนบรรทัดทองที่เป็นแหล่งกิน แหล่งเที่ยว ไม่เพียงแค่ 2 ฝั่งถนนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณซอยจุฬาฯ 3, ซอยจุฬาฯ 5 และสวนหลวงสแควร์ด้วย ที่รวมกันเป็น “แหล่งกิน-เที่ยวย่านถนนบรรทัดทอง”

ส่วนการช่วยเหลือจากภาครัฐนั้น นายสิทธิฉันท์ ระบุว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานเสนอโครงการและความช่วยเหลือเข้ามา เช่น การท่องเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่จัดโครงการสวัสดี…หนีห่าว ได้มีการนำผู้ประกอบการ อินฟลูฯ ของต่างประเทศ มาเยี่ยมชมบรรทัดทอง รับประทานอาหารไทย รับรู้เรื่องราววัฒนธรรม เพื่อนำกลับไปโปรโมตต่อ คาดว่าในช่วงเดือน ส.ค. จะมีนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เข้ามาให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวประกอบการสามารถลดต้นทุนได้ รวมถึงมีภาคเอกชนอีกหลายที่ ที่เสนอโครงการเพื่อช่วยให้ถนนบรรทัดทองกลับมาครึกครื้น

“การให้สินเชื่อระยะสั้นกับผู้ประกอบการบนถนนบรรทัดทอง อาจไม่ตอบโจทย์ เพราะเป็นสัญญาเช่าระยะสั้น แต่การแนะนำให้มีการลดต้นทุนของผู้ประกอบการ เชื่อว่าจะช่วยให้ยั่งยืนได้ ขณะนี้ทางสมาคมฯ จึงอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล รายละเอียดของสมาชิกแต่ละร้านว่าใช้วัตถุดิบใดที่เหมือนกัน และในอนาคตเราจะสั่งมารวมกันเป็นจุดเดียวเหมือนเป็นครัวกลาง ทำให้เราสามารถติดต่อกลับผู้ผลิตได้โดยตรงทั้งอาหารสดและเครื่องปรุง หรือแม้แต่ของใช้อื่นไปที่จำเป็น ทำให้ราคาต่อชิ้นก็จะลดลง รวมทั้งไม่มีของเหลือกลายเป็นขยะอาหารด้วย ส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง ค้าขายได้นานและยั่งยืนขึ้นถึงแม้ในบางช่วงยอดขายจะลดลงก็ตาม”

ส่วนกลุ่มตลาดลูกค้าหลักของบรรทัดทองนั้น นายสิทธิฉันท์ ระบุว่า กลุ่มลูกค้าหลักราว 70% เป็นคนไทย แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ส่งผลให้คนไทยกินข้าวนอกบ้านน้อยลง ใช้จ่ายเงินประหยัดขึ้น แต่ร้านค้าที่เป็นร้านยอดฮิต ร้านที่ค้าขายมานานก็ยังมีลูกค้าอยู่ แต่ร้านที่เพิ่งมาเปิดใหม่ ก็จะได้รับผลกระทบเรื่องลูกค้าน้อย โดยเฉพาะร้านไหนที่ปกติจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเยอะ ก็จะได้รับผลกระทบ

ผมเสนอว่าการเปิดตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้มีนักท่องเที่ยวตลอด เช่น เรามีข้อมูลว่าชาวอินเดีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยเป็นจำนวนมาก หากเราสามารถเพิ่มเติมอาหารอินเดียได้เพิ่มขึ้น หรือมีร้านอาหารอินเดียมาเปิดก็น่าจะดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้ หรือนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชื่นชอบวัฒนธรรม หากเราสามารถเพิ่มเติมแหล่งวัฒนธรรมในพื้นที่ วัดในพื้นที่ก็เป็นวัดเก่าแก่ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวหลากหลาย และบรรทัดทองจะไม่เงียบอีกต่อไป”

สุดท้าย นายสิทธิฉันท์ ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวบรรทัดทองอย่างยั่งยืน คือ ความซื่อสัตย์ของผู้ประกอบการและความเอาใจใส่ ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ทั้งราคาอาหารหรือค่ารถโดยสารทั้งรถตุ๊กๆ รถแท็กซี่ หลังจากนี้ในช่วงที่รอนักท่องเที่ยวกลับมา ผู้ประกอบการร้านค้าเองก็จะมีการปรับปรุงด้วย ทั้งเมนูอาหารที่จะมี 3 ภาษา มีราคาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน บางร้านอาจมีการปรับปรุงรสชาติให้มีความเสถียรมากขึ้น ส่วนทางด้านกายภาพเอง ทางสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ และ กทม. ก็จะมีการร่วมกันปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งความปลอดภัย ทางเท้า คลองที่ปัจจุบันเริ่มสะอาดไม่มีกลิ่นแล้ว.

ทีมข่าวชุมชนเมือง รายงาน