นายสัตวแพทย์รักไทย งามภักดิ์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ในการหารือร่วมกับ ดร.โอกิตะ มาซัตสิงุ ผู้อำนวยการสำนักงานสุขภาพสัตว์ และ ดร.มัตสึโอะ คาซูโตชิ หัวหน้าสัตวแพทย์ของญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายได้หารือ ในหลายประเด็นสำคัญ ได้แก่ การจัดทำระบบ Notifiable Avian Influenza (NAI) Zoning เพื่อแบ่งเขตพื้นที่ควบคุมโรคไข้หวัดนก สนับสนุนให้ไทยสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ปีกได้ต่อเนื่องแม้มีการระบาดในบางพื้นที่ และการจัดทำระบบ คอมพาร์ทเมนต์ปลอดโรคสุกร Swine Disease-Farm Compartment เพื่อขยายตลาดการส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็น และแช่แข็ง (เนื้อสุกรดิบ) โดยเสนอระบบฟาร์มที่มีการควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มงวด และการตรวจสอบย้อนกลับได้ ภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์ภาครัฐ

ทั้งนี้ หากสามารถเปิดตลาดเนื้อสุกรดิบในญี่ปุ่นได้ จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศไทยมากกว่าปีละ 10,000 ล้านบาทนอกจากนี้ ไทยและญี่ปุ่นยังเห็นพ้องในความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ การฝึกอบรมสัตวแพทย์  การเฝ้าระวังโรค การจัดทำรายงานสุขภาพสัตว์ และการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ไทยสู่ระดับสากล ในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปญี่ปุ่นรวมกว่า 85,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ประมาณ 70,000 ล้านบาท อาหารสัตว์เลี้ยง 14,000 ล้านบาท และอื่นๆ เช่น เนื้อสุกรแปรรูป ไข่ไก่ และผลิตภัณฑ์นมประมาณ 1,000 ล้านบาท ผลการหารือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าปศุสัตว์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของสินค้าปศุสัตว์ไทยในตลาดโลก