ช่วงกลางปีเป็นเวลาที่หลายบริษัทจ่ายเงินโบนัสให้กับพนักงาน ทำให้คนทำงานหลายคนมีเงินก้อนพิเศษเข้ากระเป๋า บางคนอาจวางแผนนำไปใช้หนี้ บางคนอยากเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่ถ้าคุณยังไม่รู้จะจัดการกับเงินโบนัสอย่างไรดี เรามีเคล็ดลับการนำเงินโบนัสไปต่อยอดให้เติบโตงอกเงยมากขึ้นด้วย 4 วิธีการลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งเหมาะกับทั้งนักลงทุนมือใหม่ และมือเก๋า ช่วยให้คุณมีโอกาสเพิ่มความมั่งคั่งในระยะยาวได้มากกว่าการนำเงินไปใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว !


แนะนำ 4 วิธีลงทุน ต่อยอดเงินโบนัสให้เพิ่มพูน

เงินโบนัสเป็นเงินพิเศษที่บริษัท หรือองค์กรมอบให้พนักงานนอกเหนือจากเงินเดือน เสมือนเป็นรางวัลตอบแทนการทำงานหนักตลอดทั้งปี หรือเป็นการแบ่งปันผลกำไรของบริษัทให้กับผู้ที่มีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จ โดยบางบริษัทอาจจ่ายโบนัสเป็นรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือรายปี ซึ่งยิ่งโบนัสออกเร็วเท่าไร คุณก็ยิ่งมีโอกาสนำเงินไปต่อยอดได้เร็วขึ้นเท่านั้น

เมื่อได้รับเงินโบนัสแล้ว หลายคนอาจคิดว่าควรนำไปใช้จ่าย หรือซื้อของที่อยากได้ แต่การนำเงินโบนัสไปลงทุนต่อยอดจะช่วยให้เงินก้อนนี้เติบโตมากขึ้นในระยะยาว เราขอแนะนำ 4 วิธีลงทุนที่น่าสนใจสำหรับต่อยอดเงินโบนัสของคุณ


1. เก็บไว้ในบัญชีเงินฝากออกทรัพย์

การฝากเงินโบนัสในบัญชีเงินฝากเป็นวิธีการลงทุนที่ปลอดภัย และง่ายที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยง หรือยังไม่แน่ใจว่าจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด โดยบัญชีเงินฝากมีให้เลือกทั้งบัญชีฝากประจำทั่วไป และบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี

สำหรับบัญชีฝากประจำทั่วไป คุณจะต้องฝากเงินตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 3, 6, 12, 24, 36 หรือ 48 เดือน และจะได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนดระยะเวลา ส่วนบัญชีฝากประจำปลอดภาษี คุณสามารถเริ่มต้นออมเพียงเดือนละ 500 บาท โดยทยอยฝากเท่ากันทุกเดือนเป็นระยะเวลา 24 หรือ 36 เดือน และดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการฝาเงินในบัญชีฝากประจำจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่คุณควรวางแผนการใช้เงินให้ดี เนื่องจากมีระยะเวลาการฝากที่แน่นอน หากถอนก่อนกำหนดอาจไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่ธนาคารระบุไว้ นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินฝากมักต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ทำให้อำนาจซื้อของเงินลดลงในระยะยาว


2. ซื้อทองคำ

ทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนทางเลือกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล มีมูลค่าในตัวเอง และมีสภาพคล่องสูง ซึ่งหมายความว่า คุณสามารถซื้อขายได้ง่าย การลงทุนในทองคำเป็นวิธีที่นิยมใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ และยังสามารถใช้เป็นหลักประกัน หรือส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานได้อีกด้วย

ในปัจจุบัน มีช่องทางให้ลงทุนในทองคำหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณที่ร้านทอง การออมทองคำผ่านแอปพลิเคชันของร้านทอง หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป

การลงทุนในทองคำเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ และสนใจการสะสมทองคำ หรือต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยคุณสามารถแบ่งเงินโบนัสส่วนหนึ่งมาทยอยซื้อทองคำสะสมทีละเล็กละน้อย หรือรอจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงแล้วค่อยเข้าซื้อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาทองคำจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาว แต่ในบางช่วงอาจมีความผันผวนตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการเมืองโลก คุณจึงควรศึกษา และทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำก่อนตัดสินใจลงทุน


3. ลงทุนในกองทุนรวม

กองทุนรวมเป็นเครื่องมือการลงทุนที่รวบรวมเงินจากนักลงทุนหลายรายมาบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนของกองทุน การลงทุนในกองทุนรวมช่วยให้คุณสามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่อาจเข้าถึงได้ยากสำหรับนักลงทุนรายย่อย เช่น หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือน้ำมัน

กองทุนรวมมีให้เลือกหลากหลายประเภทตามระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้ ตั้งแต่กองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงกองทุนรวมหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงแต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า นอกจากนี้ ยังมีกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย

การลงทุนในกองทุนรวมเหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนน้อย ต้องการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์ หรือไม่มีเวลาศึกษา และติดตามข่าวสารการลงทุนด้วยตนเอง เนื่องจากมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล และบริหารเงินลงทุนให้ อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แม้ว่ากองทุนรวมจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแล คุณก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมแต่ละประเภทก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย


4. ลงทุนในไทย หรือหุ้นต่างประเทศ

การลงทุนในหุ้นเป็นการซื้อส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้คุณมีสถานะเป็นเจ้าของกิจการ และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลจากกำไรของบริษัท รวมถึงกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain)

การนำเงินโบนัสไปลงทุนในหุ้นเปิดโอกาสให้เงินของคุณเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจที่คุณเลือกลงทุน เมื่อบริษัทเติบโต และมีผลประกอบการดี ราคาหุ้นมักจะปรับตัวสูงขึ้น และคุณอาจได้รับเงินปันผลอีกด้วย หากนำเงินปันผลที่ได้รับไปลงทุนต่อ จะเป็นการเพิ่มเงินลงทุน และสร้างผลตอบแทนทบต้นในระยะยาว

การลงทุนในหุ้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน สนใจในธุรกิจ และการเป็นเจ้าของกิจการ มีเวลาศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลของบริษัท และสามารถรับความเสี่ยงที่สูงได้

สำหรับมือใหม่ที่สนใจลงทุนในหุ้น แนะนำให้กระจายการลงทุนในหุ้นหลาย ๆ ตัวจากหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อลดความเสี่ยงหากมีปัจจัยลบกระทบกับธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง นอกจากนี้ อาจพิจารณาลงทุนแบบ Dollar Cost Average (DCA) ซึ่งเป็นการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันทุกงวด เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูง และอาจทำให้เงินต้นสูญหายได้หากเลือกลงทุนในบริษัทที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี หรือตลาดมีความผันผวนสูง ดังนั้น คุณควรศึกษาข้อมูลลักษณะธุรกิจ ผลประกอบการ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน หากลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ยังต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมอีกด้วย


สรุปบทความ

การต่อยอดเงินโบนัสด้วยการลงทุนเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณมีโอกาสเพิ่มความมั่งคั่งในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากที่มีความเสี่ยงต่ำเหมาะกับผู้เริ่มต้น การลงทุนในทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยง และป้องกันเงินเฟ้อ การลงทุนในกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญบริหารจัดการให้ หรือการลงทุนในหุ้นที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนสูงแต่มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนนำเงินโบนัสไปลงทุน คุณควรตรวจสอบสถานะทางการเงินของตนเองก่อน เช่น จัดการหนี้สิน สร้างเงินออมฉุกเฉิน และวางแผนการใช้จ่ายที่จำเป็นให้เรียบร้อย เมื่อมั่นใจว่ามีพื้นฐานการเงินที่มั่นคงแล้ว จึงนำเงินส่วนที่เหลือไปต่อยอดด้วยการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เพื่อสร้างความมั่งคั่ง และบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว