ปัจจุบัน เกษตรกรรุ่นใหม่พยายามฟื้นฟูจังหวัดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักในเรื่องผลไม้แสนอร่อย ส่วนทางการญี่ปุ่นก็กำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับดินที่ถูกขุดออกปริมาณมาก ซึ่งเพียงพอที่จะถมสนามเบสบอลได้มากกว่า 10 แห่งเลยทีเดียว
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2554 แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น ก่อให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่ที่ซัดถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ส่งผลให้แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์บางส่วนหลอมละลาย ซึ่งดินชั้นบนถูกรวบรวมตามส่วนหนึ่งของความพยายามขจัดการปนเปื้อนในวงกว้าง รวมถึงการฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ตัวอาคารและท้องถนน
แม้พื้นที่เกือบทั้งหมดของจังหวัดฟุกุชิมะ ได้รับการประกาศว่าปลอดภัยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผู้อพยพจำนวนมากลังเลที่จะกลับเข้าไป เนื่องจากพวกเขายังคงกังวลเกี่ยวกับกัมมันตรังสี หรือย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานที่อื่นแล้ว

อย่างไรก็ตาม จังหวัดฟุกุชิมะก็ต้อนรับผู้อยู่อาศัยรายใหม่ เช่น นายทาคุยะ ฮารากุจิ เกษตรกรผู้ปลูกกีวี วัย 25 ปี ที่กล่าวว่า เขาต้องการให้ผู้คนสนใจ และเรียนรู้ว่าฟุกุชิมะเป็นอย่างไรในปัจจุบัน
อนึ่ง ดินปนเปื้อนกัมมันตรังสี ปริมาณ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร ถูกเก็บไว้ในสถานที่จัดเก็บชั่วคราว ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ซึ่งรัฐบาลโตเกียวให้สัญญากับประชาชนในจังหวัด ว่าจะหาพื้นที่จัดเก็บดินเหล่านี้แบบถาวรที่อื่นในประเทศ ภายในปี 2588
สำหรับตอนนี้ เนินดินขนาดใหญ่ถูกเก็บไว้ในพื้นที่ดูแล ซึ่งมีทั้งชั้นดินสะอาดและแผ่นดินที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ดินปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม โดยรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการใช้ดินดังกล่าวสำหรับการสร้างถนนและคันทางรถไฟ รวมถึงโครงการอื่น ๆ และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการนอกจังหวัดฟุกุชิมะ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างภาระเพิ่มเติมให้กับจังหวัด

แต่จนถึงขณะนี้ ญี่ปุ่นมีผู้รับดินเพียงไม่กี่รายในพื้นที่อื่นของประเทศ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบางคนชี้ให้เห็นว่า ในทางปฏิบัติ ดินส่วนหนึ่งอาจจำเป็นต้องถูกเก็บไว้ในจังหวัดฟุกุชิมะต่อไป
ด้านสำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุเมื่อไม่นานมานี้ว่า จะดำเนินการรีไซเคิลดินบางส่วนในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัย โดยมีรายงานว่า ดินดังกล่าวจะถูกใช้ในแปลงดอกไม้
ขณะที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ระบุเสริมว่า ดินปนเปื้อนที่เก็บไว้ประมาณ 75% มีระดับกัมมันตรังสีเทียบเท่า หรือต่ำกว่าการเอกซเรย์ 1 ครั้งต่อปี สำหรับผู้ที่ยืนบนดิน หรือทำงานกับดินโดยตรง
ทั้งนี้ทั้งนั้น นายอากิระ อาซาคาวะ เจ้าหน้าที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น ที่ทำงานในโครงการดินของจังหวัดฟุกุชิมะ กล่าวว่า ควรใช้ยางมะตอย ดินในฟาร์ม หรือชั้นวัสดุอื่น ๆ เพื่อป้องกันกัมมันตรังสีรั่วไหล.