เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่รัฐสภา  นายอัครเดช​ วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรีและโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคขณะนี้ว่า​ ยังไม่มีการนัดประชุมอะไรเพื่อแก้ปัญหา เพราะอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร และสส.ลงพื้นที่ โดยจะกลับมาอีกครั้งในช่วงเปิดสมัยวันที่  3 ก.ค. เมื่อถามว่าจะมี สส.เป็นตัวกลางในการประสานรอยร้าวครั้งนี้หรือไม่​ นายอัครเดชกล่าวว่า ในกลุ่มไลน์พรรคขณะนี้เงียบมาก​ ยังไม่มีการพูดคุยอะไรกัน เข้าใจว่า ขณะนี้นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ชี้แจงผ่านสื่อต่างๆ ไปครบถ้วนแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่ได้ชี้แจง

ส่วนกังวลว่าจะกระทบฐานเสียงหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่คงต้องติดตาม และฟังเลขาธิการพรรค ในการชี้แจง และสส.ทุกคนก็เคารพในการทำหน้าที่ของเลขาธิการพรรค ทั้งฝั่งที่มีชื่อในหนังสือ และไม่มีชื่อ ทุกคนเข้าใจว่ายังอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติก็ต้องฟังเลขาธิการพรรค

เมื่อถามว่ากรณีที่เลขาธิการพรรค ระบุว่า เอกสารที่เปิดออกมาเป็นการปลอมลายเซ็นของ สส.​ โฆษก รทสช. กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ สส. เจ้าของลายเซ็นที่ต้องเอามาชี้แจงเอง ตนตอบไม่ได้ ว่าเป็นลายเซ็นจริงหรือไม่ ซึ่งตนยังไม่ได้พูดคุยกับเพื่อน สส. รวมถึงหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ยังไม่ได้มีการสื่อสารทางไลน์ของพรรค​ แต่คิดว่าคงจะมีการสื่อสารทางอื่น คือโทรศัพท์พูดคุยกันมากกว่า เหมือนอย่างที่เลขาธิการพรรค บอกว่า ได้โทรฯ คุยกับสส.แต่ละคน​ ซึ่งรายละเอียดต้องรอเลขาธิการพรรคออกมาชี้แจงจึงจะชัดเจน

เมื่อถามว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศว่า ไม่สามารถพูดคุยกับนายเอกนัฏได้เนื่องจากเคยมีความพยายามล้มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค​ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ให้ลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นายอัครเดช กล่าวว่า ยังไม่เคยได้ยินว่านายสุชาติให้สัมภาษณ์อย่างนั้น และยังไม่ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของนายสุชาติเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงขอไปติดตามก่อนว่าให้สัมภาษณ์ว่าอย่างไร แต่โดยหลักใหญ่ ตนคิดว่าคงจะต้องพูดคุยกัน เพราะการพูดคุยเป็นเวทีในการแก้ปัญหา ปัญหาการเมืองก็ต้องใช้การเมืองแก้ปัญหา เพราะทั้งนายเอกนัฏ​ และนายสุชาติก็เป็นรัฐมนตรีและผู้ใหญ่ของพรรคทั้งคู่ ดังนั้นการคุยกันจะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาให้กับพรรค ต่อข้อถามว่าที่ผ่านมามีความพยายามล็อบบี้เพื่อล้มนายพีระพันธุ์หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ในฐานะที่เป็น สส.ของพรรคไม่เคยได้ยินดีลนี้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คงต้องไปถามจากนายสุชาติเอง ตนตอบแทนไม่ได้

เมื่อถามว่าจะเร่งแก้ไขปัญหาภายในพรรคอย่างไร นายอัครเดช กล่าวว่า วันนี้ก็ถือว่าสุดแล้ว คิดว่าคงไม่มีสุดกว่านี้ เชื่อว่าสถานการณ์ของพรรค คงจะค่อยๆ ดีขึ้นไปเรื่อยๆ​ เพราะทุกคนได้แสดงความคิดเห็นออกมาแล้ว หลังจากนี้ น่าจะเป็นเวทีการพูดคุยกันในพรรค เมื่อเปิดสมัยประชุม สภาก็คงมีการประชุมพรรคและพูดคุยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ และเชื่อว่าหากมีการพูดคุยกัน สถานการณ์ภายในพรรคจะดีขึ้น และคิดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติยังไปต่อได้ โดยพยายามทำให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชน

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะซ้ำรอยพรรคพลังประชารัฐ นายอัครเดช กล่าวว่า บริบทของ 2 พรรคต่างกัน ไม่เหมือนกัน ทั้งบุคคลและสถานการณ์ และเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้นตนคิดว่าอย่าไปด่วนสรุป ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเหมือนพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติมาถึงจุดนี้ได้ จากการสนับสนุนของประชาชน เมื่อมีปัญหา จึงคิดว่าผู้บริหารพรรคจะต้องกลับไปคิดถึงพี่น้องประชาชน ดังนั้นจึงคาดหวังว่าจะมีการพูดคุยกันในพรรค​ โดยไม่ได้พูดคุยกันทั้งสองฝ่าย เพราะเลขาธิการพรรคบอกแล้วว่าไม่มีฝ่าย พร้อมจะดูแล สส.ทั้ง 36 คน​ แต่อาจจะมีการคลาดเคลื่อนและสื่อสารที่ไม่ครบถ้วนบ้าง ก็ต้องพูดคุย จึงเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่าคิดว่า นายสุชาติ จะใช้โมเดลเหมือนพรรคกล้าธรรมที่แยกตัวออกจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายอัครเดช ย้ำว่า บริบทของ 2 พรรคไม่เหมือนกัน ตนไม่เคยได้ยินว่า​ นายสุชาติจะใช้โมเดลพรรคกล้าธรรม ดังนั้นขอให้ได้ยินกับหูก่อน เพราะที่ผ่านมาได้ยินจากสื่อและนักวิเคราะห์เท่านั้น และจริงๆ แล้วทั้งนายสุชาติและนายเอกนัฏก็มีเจตนาดี ที่อยากให้พรรคทำงานให้กับพี่น้องประชาชน จึงคาดว่าการพูดคุยจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้.