ตามที่สำนักข่าวต่างๆ ได้นำเสนอกรณี สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ประกาศอย่างเป็นทางการ ห้ามใช้สนามหญ้าเทียม ตั้งแต่เดือน ส.ค. นี้ เป็นต้นไป

โดยห้ามใช้ในรายการดังต่อไปนี้ เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก รอบสุดท้าย, ฟุตบอลหญิงเอเชีย รอบคัดเลือก, ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ตั้งแต่รอบ 2 เป็นต้นไป, ฟุตบอลหญิงโอลิมปิก รอบคัดเลือก, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิต, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2, ฟุตบอลหญิง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามขอการยืนยันจาก นายเอกพล พลนาวี เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับคำตอบว่า ยังไม่ได้รับการแจ้งในเรื่องนี้แต่อย่างใด

ล่าสุด เวลา 12.30 น. ทีมงาน สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ส่งข้อมูลแจ้งสื่อมวลชนแล้วว่า ข่าวดังกล่าวเป็นความจริง โดยหนังสือจาก เอเอฟซี ลงวันที่ 11 มิ.ย. 68 หรือ 1 วัน หลังเกมไทย-เติร์กเมนิสถาน

เอเอฟซี แจ้งปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับพื้นสนามแข่งขันสำหรับรายการของ เอเอฟซี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 เป็นต้นไป จะไม่อนุญาตให้ใช้สนามหญ้าเทียมแบบ 100% ในการแข่งขันระดับทีมชาติและสโมสรระดับสูง ทั้ง เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก, ฟุตบอลโลก, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งชายและหญิง

สมาคมสมาชิกและสโมสรที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการดังกล่าว ต้องเสนอสนามที่ใช้หญ้าจริงหรือหญ้าแบบผสม เพื่อขอรับการอนุมัติจาก เอเอฟซี ซึ่งกำลังจัดทำข้อบังคับสนามแข่งขันฉบับใหม่ ที่จะรวมระบบการจัดประเภทสนาม เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับมาตรฐานการแข่งขันในแต่ละระดับ

“ช้างศึก” ทีมชาติไทย เพิ่งยกพลไปแพ้ในสนามหญ้าเทียม ให้กับ เติร์กเมนิสถาน 1-3 ที่อาชกาบัต สเตเดี้ยม ในฟุตบอลเอเชียนคัพ 2026 รอบคัดเลือก รอบ 3 เมื่อ 10 มิ.ย. ทำให้สถานการณ์ตกเป็นรองทันที ในการแย่งเข้ารอบ

เมื่อ เอเอฟซี แบนหญ้าเทียมจริง เท่ากับว่า ในกลุ่มนี้ ไทยจะเป็นทีมเดียวที่ไปเล่นหญ้าเทียมที่เติร์กเมนิสถาน เพราะนัดต่อไปในบ้านของเติร์กฯ คือเดือน ก.ย. หลังการประกาศแบน

สภาพสนามหญ้าเทียม พื้นสัมผัส การเด้งของลูกฟุตบอลจะต่างจากหญ้าธรรมชาติ และที่สำคัญ มีโอกาสที่นักบอลจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า.