นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้เตรียมพร้อมท่าอากาศยานนครพนม เพื่อรองรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ ที่จะเปิดบินในเส้นทาง ดอนเมือง-นครพนม ตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. 2568 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการดำเนินงานตามนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ตามมาตรการ New Route-New Airline ส่งเสริมให้สายการบินเปิดเส้นทางบินมายังท่าอากาศยานในสังกัด สอดรับกับนโยบายรัฐบาลในการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หรือกลุ่มจังหวัด “สนุก” (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ด้านการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางมายังนครพนม และจังหวัดใกล้เคียงได้สะดวก และรวดเร็วขึ้น

รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางแบบทริประยะสั้น (Weekend trip) เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระดับภูมิภาคสู่ประเทศลาว และเวียดนาม ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 สร้างโอกาสให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวแบบหลายประเทศ (Multi-country route) และที่สำคัญยังเป็นการยกระดับการเดินทางทางอากาศให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว และการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนลุ่มน้ำโขงและเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ East-West Economic Corrido

ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดี ทย. กล่าวว่า ปัจจุบันอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานนครพนม สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 600 คน/ชั่วโมง หรือ 1.7 ล้านคน/ปี ทางวิ่งขนาด 2,500 x 45 เมตร ลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยานแบบ B737/A320 ได้ 3 ลำ ในเวลาเดียวกัน ลานจอดรถยนต์รองรับ 140 คัน คาดการณ์ว่า หลังจากที่สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ เปิดให้บริการมายังท่าอากาศยานนครพนม ในเดือน มิ.ย. 2568 จะทำให้ในปี 2568 ท่าอากาศยานนครพนมมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 18.48% และมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 32.99% จากปี 2567 โดยท่าอากาศยานนครพนม จะมีสายการบินให้บริการในเส้นทางไป-กลับ ดอนเมือง-นครพนม วันละ 6 เที่ยวบิน แบ่งเป็น สายการบินไทยแอร์เอเชีย 4 เที่ยวบิน และสายการบิน ไทย ไลอ้อน แอร์ 2 เที่ยวบิน

นายดนัย กล่าวต่อว่า ทย. ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ที่ได้ขับเคลื่อนผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) โดยมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานในสังกัดให้มีความพร้อมรองรับเที่ยวบิน และผู้โดยสารที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควบคู่กับการบริการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล