เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 68 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เดินทางมาที่ศาลฎีกา เพื่อร่วมรับฟังการไต่สวนคดีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
นายชาญชัย กล่าวว่า วันนี้มาฟังตามที่ขอศาลไว้ว่าจะฟังการไต่สวน ซึ่งเป็นนัดแรกที่ศาลนัด และหากมีอะไรเพิ่มเติมจะแจ้งทีหลัง ตนเองมาฟังเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการหาข้อเท็จจริง ซึ่งได้ส่งคำร้อง และข้อเท็จจริงเยอะมาก วันนี้ศาลต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็รอคำสั่ง เพราะศาลมีอำนาจทางข้อเท็จจริงอยู่แล้ว ซึ่งในวันนี้ก็เตรียมมาพอสมควร ยืนยันว่า มีความพร้อมแล้ว กฎหมายที่เคยยื่นก็มีรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นมา ถ้าศาลถามถึงจะพูดได้
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. เราส่งรายละเอียดที่ร้องไว้ เป็นรายละเอียดในการไต่สวน ซึ่งในวันนี้ศาลให้ตนเองในฐานะผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ขอมาฟัง ในฐานะที่เป็นอดีตผู้ร้อง และนำสำนวนของตนไปให้ตำรวจ จำเลย ไปแก้ ตนเองจึงอยากฟังว่าไปแก้อะไรมา หากไม่ตรงกันจะได้ทำบันทึกให้ศาลทราบ แต่ท่านคงอ่านหมดแล้ว ศาลท่านเป็นปรมาจารย์ และคดีนี้ ได้ทำการศึกษาด้วยเพราะคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่คดีการเมือง แต่เป็นการทำให้กระบวนยุติธรรมเข้าสู่ระบบให้ถูกต้อง บ้านเมืองจะได้มีขื่อมีแป คนจะได้ไม่ต้องมาดูถูกเรา
ส่วนกรณีที่ทนายความของนายทักษิณ ขอขยายเวลาในการยื่นเอกสารต่อศาล นายชาญชัย ระบุว่า เป็นสิทธิของนายทักษิณ ศาลคงมีหมายออกไป ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนว่าให้ชี้แจงภายใน 30 วัน แต่หมายที่ไปติดหน้าบ้านนายทักษิณ คงล่าช้าออกไป จึงนับวันที่ได้รับเอกสาร ดังนั้น เลยใช้สิทธิตรงนี้ได้ ศาลต้องให้ความเป็นธรรม ถือเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามว่าภายหลังการนัดพร้อมวันนี้ ศาลจะใช้เวลากี่วันก่อนจะมีคำสั่งเพิ่มเติมออกมา นายชาญชัย ระบุว่า ไม่ทราบ เป็นดุลพินิจศาล คดีนี้ไม่ใช่คดีเริ่มต้นใหม่ แค่พิจารณาว่าการบังคับคดีที่ศาลได้ออกคำสั่งบังคับคดีไป ที่สุดแล้วตามกฎหมาย ป.วิอาญา ที่ได้ตัดสินไปแล้ว 3 คดีนั้น มีการจำคุกตามหมายศาลจริงหรือไม่ ดังนั้น แค่หาความจริงว่ามีการจำคุกจริงหรือไม่ ไม่ต้องไปรื้อคดีอะไรใหม่ เพียงแค่ไปหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และก็ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยื่นคำร้องเพิ่มเติมมา และท่านให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนการที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้อง กับการรักษาตัวของนายทักษิณทั้ง 3 คน จะส่งผลต่อรูปคดีหรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า ทุกเรื่องเชื่อมโยงกันหมด แต่ว่าไม่ได้เจาะจงว่าแพทยสภามีมติแล้วศาลจะนำมาตัดสินทีเดียว ทั้งหมดเป็นแค่องค์ประกอบ เพราะศาลจะดูหลักกฎหมายว่าที่สั่งไปแล้วตาม ป.วิอาญา ซึ่งกฎหมายที่ราชทัณฑ์นำมาใช้ คือการส่งตัวนักโทษไป ไม่ได้ห้าม แต่ว่าอยู่ภายใต้บังคับ ป.วิอาญา ในกฎหมายของราชทัณฑ์เองด้วยที่เขียนไว้ ดังนั้น หากแก้มาต้องเขียนให้ถูกต้อง
เมื่อถามว่าคดีนี้ประชาชนจับตาจำนวนมาก มีอะไรอยากฝากถึงประชาชนหรือไม่ นายชาญชัย กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นแค่การพิจารณาหาความจริงเท่านั้น ท่านให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งศาลให้ทุกฝ่ายเป็นคนชี้แจง และทำหน้าที่ของตัวเองตั้งแต่อัยการ ป.ป.ช. ราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ครั้งนี้ไม่ใช่การกล่าวหา แต่ศาลมีอำนาจในการเชิญบุคคลที่สาม ใครก็ได้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งเป็นสารไต่สวนเป็นกฎหมายเฉพาะ
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่โจทก์คนเดิมคืออัยการ หรือ ป.ป.ช. จำเลยก็คนเดิมคือนายทักษิณ คดีนี้เป็นคดีที่จะดำเนินการไต่สวนเพื่อบังคับคดี คือมีเหตุกรณีว่าเมื่อศาลพิพากษาให้จำคุกไปแล้ว มีการบังคับโทษให้จำคุกจริงหรือไม่ ฉะนั้นวันนี้จะมีการไต่สวนหรือไม่ ต้องดูบุคคลที่ 3 ที่ออกคำสั่งให้เรียกคำชี้แจงมา ก็มี โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ ป.ป.ช. และนายทักษิณ ที่แต่ละคนต้องส่งเอกสารเข้ามา รวมถึงวันนี้ตัวบุคคลก็ต้องมาด้วย แต่นายทักษิณให้ทนายความมา เพราะฉะนั้นวันนี้ศาลนัดเป็น 2 เรื่อง นัดเพื่อการไต่สวน และนัดพร้อม ถ้ามีพยานมาแล้ว เห็นความว่าจะไต่สวนศาลก็จะไต่สวน ส่วนที่ยังไม่มาก็จะเลื่อนไป ถ้าพบว่าการบังคับโทษยังไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย แล้วใครเป็นผู้กระทำบ้าง ศาลก็จะลงรายละเอียดไว้และจะไปดำเนินคดี ตนคิดว่าคดีนี้ศาลก็จะทำให้กระจ่าง ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ให้มีข้อสงสัย ให้เวลาทุกฝ่ายตามกฎหมายอย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ แพทยสภามีมติออกมาตามเดิม ลงโทษแพทย์ 3 คน กรณีรักษาตัวนายทักษิณ ที่ชั้น 14 นายนิติธร กล่าวว่า ในส่วนของแพทยสภา ถือว่าเป็นที่ยุติแล้ว ส่วนผู้ที่ได้รับมติแล้วก็ไปศาลปกครองได้ แต่สิ่งที่เราจะหารือกันในขณะนี้ ประเด็นเรื่องการพักโทษที่ผ่านมา มีการร้องไปรวมในคำร้องหลัก หลังจากนี้คงเห็นชัดเจนว่ากระบวนการพักโทษมีปัญหา บ่งชี้ถึงอาการของนายทักษิณ กระบวนการในการรักษา และอีกเรื่องคือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาการพักโทษ ก็จะดำเนินการอีกส่วนหนึ่ง ส่วนทางด้าน คปท. ก็จะเคลื่อนเรื่องการพักโทษต่อ ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นแพทย์ใหญ่ที่พบว่ามติแพทยสภาได้สั่งพัก เพราะฉะนั้นตำรวจก็ต้องมีการบริหารจัดการกับแพทย์ เพราะยังรับราชการอยู่ ทั้งหมดเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน เพราะว่าทุกฝ่ายที่ทำงานในขณะนี้มาจากร่างปัญหาเดียวกัน คือรากบังคับโทษของนายทักษิณ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็จะถูกเรียกเอกสารมาที่ศาล
นายนิติธร กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีส่วนร่วมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะว่าตัวนายกรัฐมนตรีจะต้องมีส่วนในการบังคับคดี จะต้องมีส่วนในการบริหารกระบวนการยุติธรรมด้วย ต้องรับผิดชอบในกรณีที่มีการบังคับใช้กฎหมายไม่ถูกต้อง หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งสะเทือนอยู่แล้ว รัฐมนตรีทุกคน ตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จนถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ทุกคนเพิกเฉยหมด และคดีนี้ก็จะเป็นบรรทัดฐาน อาจจะย้อนกลับไปถึงกรณีที่มีการพักโทษจะสะเทือนหมด
ส่วนม็อบจะมีการยกระดับหรือไม่ นั้น นายนิติธร กล่าวว่า ผู้ชุมนุมไม่ต้องยกระดับ รัฐบาลต้องยกระดับ.